• Sample Page
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result

N0412032 เจ าของตลาดโลภมาก นค าเช าแม าไม หย ดท ายต องเจ งด วยการกระทำต วเอง part2

admin79 by admin79
November 29, 2025
in Uncategorized
0
N0412032 เจ าของตลาดโลภมาก นค าเช าแม าไม หย ดท ายต องเจ งด วยการกระทำต วเอง part2

ในโลกแห่งยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความคาดหวังที่ไม่มีที่สิ้นสุด ชื่อของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ยังคงยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา สมรรถนะ และวิสัยทัศน์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ในปี 2025 นี้ เราได้เห็นการเดินทางอันยาวนานของแบรนด์ดาวสามแฉก ที่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์รถยนต์ แต่ยังสร้างนิยามใหม่ของประสบการณ์การขับขี่และมาตรฐานแห่งความเป็นเลิศในทุกมิติ จากจุดเริ่มต้นของรถยนต์คันแรกของโลก สู่การเป็นผู้นำในยุคของ “รถยนต์ไฟฟ้า” และ “การขับขี่อัจฉริยะ” เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอ “นวัตกรรมยานยนต์” ที่ก้าวล้ำ ตอบโจทย์ทั้งความต้องการในปัจจุบันและอนาคตอย่างแท้จริง

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญในการท้าททายกรอบเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการร่วมมือกับผู้สร้างสรรค์ที่ไม่คาดฝัน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่เหนือความคาดหมาย บทความนี้จะพาทุกท่านย้อนรอยความสำเร็จครั้งสำคัญ วิเคราะห์ทิศทางปัจจุบัน และสำรวจอนาคตที่น่าตื่นเต้นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในตลาด “รถหรู” ของประเทศไทยและทั่วโลก

ย้อนรอยความกล้าหาญ: เมื่อศิลปะผนวกเข้ากับวิศวกรรมใน Project Geländewagen

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตรถยนต์ แต่เป็นผู้สร้างสรรค์ที่เข้าใจถึงคุณค่าของศิลปะและการแสดงออกที่เป็นเอกลักษณ์ สิ่งหนึ่งที่สะท้อนปรัชญาอันกว้างไกลนี้ได้อย่างชัดเจนคือ “Project Geländewagen” ซึ่งเป็นการร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง Virgil Abloh ผู้ล่วงลับ ซีอีโอและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Off-White และ Louis Vuitton กับ Gordon Wagener หัวหน้าฝ่ายออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในช่วงปี 2020 โครงการนี้ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก โดยมีเป้าหมายในการแปลงโฉม Mercedes-Benz G-Class อันเป็นตำนาน ให้กลายเป็นผลงานศิลปะเชิงยานยนต์ที่พร้อมสำหรับการประมูล เพื่อสนับสนุนชุมชนสร้างสรรค์นานาชาติ

จากมุมมองของปี 2025 เรามองย้อนกลับไปที่ Project Geländewagen ว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำภาพลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในฐานะแบรนด์ที่กล้าฉีกกรอบเดิม ๆ G-Class ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะรถยนต์ออฟโรด 4×4 ที่แข็งแกร่ง ได้ถูกแปลงโฉมให้หลุดพ้นจากความเป็นรถลุยทั่วไป สู่ “รถแข่ง” ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความดิบเถื่อนอย่างลงตัว Abloh และ Wagener ต้องการผลักดันขีดสุดของ G-Class ให้เป็น “รถแข่ง” อย่างแท้จริง ผลลัพธ์คือ G-Class ที่กว้างขึ้น เตี้ยลงอย่างมาก พร้อมล้อแม็กและยางขนาดใหญ่ที่ดูเกินจริง แต่กลับสร้างความฉูดฉาดและสะดุดตาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน องค์ประกอบภายใน เช่น พวงมาลัยที่ถอดแบบมาจากรถ Formula 1 หรือเบาะที่นั่งจากรถ DTM Car ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงชิ้นส่วนด้านความปลอดภัยทั้งหมดที่เน้นด้วยสีแดงสด เช่น เข็มขัดนิรภัยและมือจับประตู ล้วนตอกย้ำความเป็น “รถแข่ง” อย่างสมบูรณ์แบบ

Project Geländewagen ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับแต่งรถยนต์ แต่เป็นการประกาศว่า “การออกแบบยานยนต์” สามารถเป็นได้มากกว่าพาหนะ มันคือผืนผ้าใบสำหรับการแสดงออกทางศิลปะ คือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันทรงพลังกับแฟชั่นชั้นสูง และคือบทพิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับการออกแบบและนวัตกรรมในโลกยานยนต์จนถึงทุกวันนี้

การช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาด SUV หรู: จากคู่แข่งสู่มาตรฐานใหม่

ตลาด “SUV หรู” เป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้แสดงศักยภาพอย่างต่อเนื่อง หากมองย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2020 การเปิดตัว All-new Mercedes-Benz GLE Coupe 2020 ถือเป็นการประกาศชัดเจนถึงความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมเป็นรองใครในเซกเมนต์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการแข่งขันที่เข้มข้นกับ BMW X6 ที่ได้บุกเบิกตลาด SUV ทรงคูเป้มาก่อนหน้านี้

ในปัจจุบันปี 2025 รถยนต์ตระกูล GLE Coupe ได้กลายเป็นหนึ่งในรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยการออกแบบที่ผสานความสปอร์ตของรถคูเป้เข้ากับความแข็งแกร่งของ SUV ได้อย่างลงตัว โฉมใหม่ของ GLE Coupe ได้รับการพัฒนาให้มีแนวหลังคาที่ลาดเอียงสวยงามกว่าเดิม ขณะที่ส่วนหน้ายังคงความดุดันและหรูหราในสไตล์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟท้ายที่ได้รับการปรับปรุงให้ดูทันสมัยและมีความเป็นรถคูเป้มากขึ้น ตอกย้ำถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากรุ่น GLE ปกติ

ภายในห้องโดยสารคืออาณาจักรแห่งเทคโนโลยีและความหรูหราที่ได้รับการยกระดับอย่างก้าวกระโดด แม้จะมีความคล้ายคลึงกับ Mercedes-Benz GLE แต่ก็มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะแนวคิดการออกแบบที่มุ่งให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกเหมือนอยู่ใน “ห้องบัญชาการอวกาศ” ที่โปร่งโล่งและล้ำสมัย แผงมาตรวัดขนาดใหญ่แบบดิจิทัล Widescreen Cockpit ที่ประกอบด้วยจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว สองจอต่อเนื่องกัน พร้อม “เทคโนโลยี MBUX” เวอร์ชันล่าสุดที่ฉลาดล้ำ สามารถเข้าใจคำสั่งเสียงที่เป็นธรรมชาติ และปรับแต่งบรรยากาศภายในห้องโดยสารด้วยไฟ Ambient Light กว่า 64 เฉดสี สะท้อนถึง “การขับขี่อัจฉริยะ” ที่แท้จริง วัสดุหุ้มเบาะหนัง ARTICO และพวงมาลัยหนัง Nappa เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมตัวเลือกหนังแท้ Nappa สำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราสูงสุด

ด้าน “สมรรถนะสูง” GLE Coupe มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบที่ทรงพลัง (สำหรับตลาดยุโรป) เช่นรุ่น GLE Coupe 350 d 4MATIC ที่ให้กำลัง 272 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร หรือรุ่น 400 d 4MATIC ที่ให้กำลังถึง 330 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ที่สามารถกระจายแรงบิดได้อย่างยืดหยุ่น การมีฐานล้อที่สั้นกว่า GLE ปกติยังช่วยให้การบังคับควบคุมว่องไวและคล่องตัวยิ่งขึ้น ระบบช่วงล่างถุงลม AIRMATIC และ E-ACTIVE BODY CONTROL ที่เป็นตัวเลือกเสริม ก็ช่วยรักษาเสถียรภาพการขับขี่ ลดอาการโคลงและเพิ่มความสบายในการเดินทางในทุกสภาพถนน สำหรับระบบความปลอดภัยก็จัดเต็มด้วย Active Braking Assist และอีกหลายระบบในชุด Driving Assistance Package

นอกจาก GLE Coupe แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเสริมทัพด้วยยนตรกรรม SUV แบบ 7 ที่นั่งอย่าง GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ที่นำเสนอความหรูหราเทียบเท่า S-Class ด้วยเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, ห้องโดยสารที่กว้างขวางรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 ท่าน และระบบ EASY-ENTRY สำหรับเข้าสู่ที่นั่งแถวที่ 3 พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระมหาศาล และ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ที่ผสานดีไซน์อันทรงพลังเข้ากับห้องโดยสารที่ประณีต ระบบความบันเทิง MBUX และชุดความปลอดภัยที่ครบครัน ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในตลาด SUV หรูอย่างแท้จริงในปี 2025

ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า: EQ Power และอนาคตที่ยั่งยืน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นในเรื่องความหรูหราและสมรรถนะ แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกในการนำเสนอ “รถยนต์ไฟฟ้า” และ “ปลั๊กอินไฮบริด” ภายใต้แบรนด์ EQ ซึ่งในปัจจุบันปี 2025 ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ แบรนด์ EQ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งวิสัยทัศน์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการสร้างสรรค์อนาคตยานยนต์ที่ยั่งยืนและไร้มลพิษ

หนึ่งในรุ่นที่เข้ามาบุกเบิกตลาด “ปลั๊กอินไฮบริด” คือ Mercedes-Benz E 300 e ซึ่งในปี 2025 ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นต้นแบบของยนตรกรรมซาลูนอัจฉริยะที่ผสมผสานประสิทธิภาพจากเครื่องยนต์เบนซินเข้ากับพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ด้วย “แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า” ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่มีความจุเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ E 300 e สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ในระยะทางที่ไกลขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นแรก ๆ ซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างยอดเยี่ยมในโหมดไฮบริด

เทคโนโลยี EQ Boost ในรุ่น AMG 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ และ E 53 4MATIC+ Coupé ก็แสดงให้เห็นถึงการผนวก “สมรรถนะสูง” เข้ากับระบบขับเคลื่อนแบบ Mild Hybrid เพื่อเพิ่มพละกำลังและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง ยิ่งไปกว่านั้น แบรนด์ EQ ยังได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทั้ง EQ Power (ปลั๊กอินไฮบริด), EQ Power+ (สำหรับรถยนต์ AMG และรถยนต์แต่ง) และ EQ สำหรับรถยนต์ Battery Electric Vehicles (BEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่เริ่มวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับการสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ” สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไปทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือกับเครือโรงแรมชั้นนำและพันธมิตรต่าง ๆ ทำให้ในปัจจุบันมีจุดชาร์จกว่า 200 แห่ง และมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ การลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ในประเทศก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้าน “นวัตกรรมยานยนต์” ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน

AMG: นิยามใหม่ของสมรรถนะและความเร้าใจ

สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและ “สมรรถนะสูง” ชื่อของ “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” (Mercedes-AMG) คือบทสรุปของความเป็นเลิศทางวิศวกรรมและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน ในปี 2025 แบรนด์ AMG ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้สร้างสรรค์รถยนต์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจและเหนือชั้นที่สุด

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AMG ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ตั้งแต่รุ่น 53 Series ที่มาพร้อมเทคโนโลยี EQ Boost ที่ผสานกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้ “พละกำลัง” ที่น่าประทับใจ ไปจนถึงรุ่น 63 S Series ที่มาพร้อม “เครื่องยนต์ V8” ขนาด 4 ลิตร เทอร์โบคู่ “Hot inside V” อันเป็นเอกลักษณ์ มอบพลังงานดิบที่เหนือกว่าใคร

Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé คือตัวอย่างที่ชัดเจนของยนตรกรรม SUV Coupé ที่รวมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเข้ากับความแข็งแกร่งดุดัน ด้วยชุดตกแต่ง AMG bodystyling, กระจังหน้า AMG-specific radiator grille, ไฟหน้า MULTIBEAM LED และปีก AMG บนฝากระโปรงท้าย ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่ง AMG Performance seats หุ้มด้วยหนัง AMG nappa leather พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel และแผงหน้าปัดดิจิทัล All-digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมโหมดการแสดงผลในสไตล์ AMG รวมถึง “เทคโนโลยี MBUX” และระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ

สำหรับ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC และเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ Biturbo ที่มอบ “สมรรถนะสูง” ในทุกการขับขี่ พร้อมชุดตกแต่ง AMG และห้องโดยสารที่โดดเด่นด้วยเบาะ AMG Sport seat และ AMG Carbon-fibre trim

เทคโนโลยีเช่นระบบกันสะเทือน AMG RIDE CONTROL+ air suspension, ระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่ให้ผู้ขับขี่เลือกโหมดการขับขี่ได้หลากหลาย รวมถึงโหมด “RACE” สำหรับ “ความเร้าใจ” บนสนามแข่ง และระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT MCT 9G Sport Transmission ล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถยนต์ AMG มอบ “ประสบการณ์การขับขี่” ที่เหนือกว่าและตื่นเต้นในทุกเส้นทาง

ห้องโดยสารแห่งอนาคต: MBUX และการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด

เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ยกระดับ “ความหรูหรา” ภายในห้องโดยสารไปอีกขั้น ด้วยการผสาน “เทคโนโลยี MBUX” (Mercedes-Benz User Experience) เข้ากับดีไซน์ที่ประณีตและฟังก์ชันการใช้งานที่ล้ำสมัย ในปี 2025 ระบบ MBUX ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระบบอินโฟเทนเมนต์ แต่คือหัวใจของ “ห้องโดยสารอัจฉริยะ” ที่เข้าใจผู้ใช้และมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ

จอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว สองจอต่อเนื่องกัน กลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์หลายรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มอบภาพข้อมูลที่คมชัดและสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลาย เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมกับการขับขี่แต่ละสถานการณ์ ระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ชาญฉลาด สามารถประมวลผลประโยคที่ใกล้เคียงกับคำสั่งทั่วไป เพียงแค่พูดว่า ‘Hey Mercedes’ ก็สามารถควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง

นอกจาก MBUX แล้ว ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ยังช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® มอบประสบการณ์เสียงคุณภาพสูง และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto™ ช่วยให้การเชื่อมต่อกับโลกภายนอกเป็นไปอย่างราบรื่น

“บริการ Mercedes me connect” คืออีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ยกระดับ “การขับขี่อัจฉริยะ” ให้สมบูรณ์แบบ บริการนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์และผู้จำหน่ายได้อย่างง่ายดาย ผ่านฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น Mercedes-Benz emergency call system สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน, ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Tele diagnostics ที่ส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการเพื่อการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและแม่นยำ, ระบบแผนที่นำทาง Navigation System พร้อม Live Traffic Information แบบออนไลน์, และระบบตั้งค่ารถยนต์ล่วงหน้า รวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารผ่านโทรศัพท์มือถือ

สำหรับ “ระบบความปลอดภัย” ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Active Distance Assist DISTRONIC ที่ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า, Blind Spot Assist ช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา, Active Lane Keeping Assist ช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง, และ Active Brake Assist ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชน ระบบเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทุกการเดินทางเปี่ยมด้วยความมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย: ผู้นำที่มุ่งมั่นและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง

ในฐานะ “ผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถหรูเมืองไทย” มาอย่างยาวนาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานความเป็นเลิศและขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 เราสามารถมองย้อนกลับไปยังทิศทางการดำเนินธุรกิจที่วางแผนไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2019 ว่าได้ผลิดอกออกผลอย่างงดงาม

จากข้อมูลในอดีตที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทยเคยสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 15,785 คันในปี 2018 (2561) และมีแผนที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่นครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในปี 2019 (2562) พร้อมทั้งปูพรมกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง แผนงานเหล่านี้ได้นำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน โดยในปี 2025 เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเป็นแบรนด์ “รถหรู” ที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดในประเทศไทย

การขยาย “เครือข่ายผู้จำหน่าย” อย่างเป็นทางการเป็นหัวใจสำคัญในการเข้าถึงลูกค้า โดยในอดีตมีการวางแผนขยายเพิ่มอีก 4 แห่ง ซึ่งในปัจจุบันปี 2025 เครือข่ายผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วประเทศได้เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มอบบริการที่เป็นเลิศและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับลูกค้าทุกคน

ด้าน “บริการหลังการขาย” เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานในทุกมิติ การเปิดตัว “คลังอะไหล่แห่งใหม่” บนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ในอดีต (กุมภาพันธ์ 2019) ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บและกระจายอะไหล่ให้กับผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในการพัฒนาศักยภาพของช่างเทคนิคผ่านโครงการ German-Thai Dual Education Excellence (GTDEE) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งในปัจจุบัน ช่างเทคนิคที่ผ่านการอบรมจากโครงการนี้ได้เข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการให้บริการลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์

การดำเนินงานอย่างครอบคลุมตั้งแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz, Mercedes-AMG, Mercedes-Maybach และ EQ ไปจนถึงการพัฒนาระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร การเสริมสร้าง “บริการหลังการขาย” ที่เหนือชั้น และการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายที่แข็งแกร่ง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเป็น “ผู้นำตลาดรถหรู” และเป็น “แบรนด์ยานยนต์” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในปี 2025

อนาคตที่สดใส: สู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืนและไร้ขีดจำกัด

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความสำเร็จในปัจจุบัน แต่ยังคงมองไปข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางของ “อนาคตยานยนต์” ในปี 2025 แบรนด์ดาวสามแฉกยังคงลงทุนอย่างมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา “นวัตกรรมยานยนต์” ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ การเชื่อมต่อแบบ 5G ในรถยนต์ หรือการพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เป้าหมายสูงสุดคือการมอบ “ประสบการณ์การขับขี่” ที่เหนือกว่าใคร โดยคำนึงถึงความยั่งยืนของโลกควบคู่กันไป เมอร์เซเดส-เบนซ์กำลังก้าวสู่ยุคที่ยานยนต์เป็นมากกว่าพาหนะ แต่คือส่วนหนึ่งของระบบนิเวศการเดินทางที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความมุ่งมั่นในการเป็น Carbon-Neutral ภายในปี 2039 และการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ EQ อย่างต่อเนื่อง คือบทพิสูจน์ถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและโลกของเรา

จากรถยนต์รุ่นพิเศษที่เป็นผลงานศิลปะอย่าง Project Geländewagen สู่การเป็นผู้นำในตลาด “SUV หรู” และการบุกเบิกในโลกของ “รถยนต์ไฟฟ้า” และ “ปลั๊กอินไฮบริด” พร้อมด้วย “สมรรถนะสูง” จากตระกูล AMG และ “เทคโนโลยี MBUX” ที่ล้ำสมัยใน “ห้องโดยสารอัจฉริยะ” เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยืนหยัดด้วยปรัชญา “The Best or Nothing” ที่จะนำพาวงการยานยนต์ไปสู่มิติใหม่ และสร้างสรรค์ความหรูหราพร้อม “การขับขี่อัจฉริยะ” ที่ไร้ขีดจำกัดสำหรับทุกคนในอนาคตอันใกล้

Previous Post

N0412043 แม ของฉ นเป นล กจ างเพ อนสน แบบน เราต องปกป ดต วตนไหม part2

Next Post

N0412042 จร งหร เขาบอกว ความด นชนะใจคน part2

Next Post
N0412042 จร งหร เขาบอกว ความด นชนะใจคน part2

N0412042 จร งหร เขาบอกว ความด นชนะใจคน part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1412031 สงครามแม เล ยงก บล กเล ยง ใครจะอย ใครจะไป!!! part2
  • N1412037 งคนท เคยลำบากมาด วยก เพ อไปคบคนรวย part2
  • N1412032 ทำไมแม องขโมยเง นของล กต วเองด วย part2
  • N1412036 คงอยากได แฟนเพ อนจนต วส งได กล าทำเร องแบบน part2
  • N1412035 าม แฟนน ยแย แบบน แนะนำอย คนเด ยวเถอะ!! part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.