ปี 2025 คือช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ประเทศไทยในฐานะหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตและตลาดที่สำคัญของภูมิภาคก็กำลังเผชิญหน้ากับการปรับตัวอย่างเข้มข้น บทความนี้จะพาทุกท่านย้อนรอยความทรงจำจากข้อมูลในอดีต (ราวปี 2018-2019) เพื่อวิเคราะห์และทำความเข้าใจว่าแนวโน้มเหล่านั้นได้หล่อหลอมตลาดปัจจุบันอย่างไร และจะนำพาเราไปสู่ทิศทางใดในปี 2025 และอนาคตข้างหน้า ทั้งในมิติของรถหรู รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และนวัตกรรมขับเคลื่อนที่พลิกโฉมวงการ
ตลาดรถหรูไทย: จากความท้าทาย สู่การเติบโตที่ไม่หยุดยั้งในยุคใหม่
เมื่อหลายปีก่อน ตลาดรถหรูนำเข้าในประเทศไทยเคยเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งประเด็นด้านภาษีและขั้นตอนการนำเข้าที่ซับซ้อน แต่ทว่าอุปสรรคเหล่านี้กลับไม่สามารถหยุดยั้งศักยภาพการเติบโตของตลาดกลุ่มนี้ได้เลย แบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงระดับโลกอย่าง Lamborghini คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน ผู้บริหารระดับสูงอย่าง Federico Foschini ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ Automobili Lamborghini เคยยืนยันด้วยตัวเองว่า “ตลาดนี้ยังคงเติบโตได้ เพราะความต้องการยังมีอยู่เสมอ”
ในปี 2025 ตลาด Extreme Super Sport Car (ESS) ยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักที่หลงใหลในความเร็วและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร แบรนด์อย่าง Lamborghini ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการปรับตัวและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ การเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์สมรรถนะสูง (Super SUV) อย่าง Lamborghini Urus ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ โดยดึงดูดลูกค้าที่ไม่เคยเป็นเจ้าของ Lamborghini มาก่อนถึง 70% ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกระทิงดุ นี่คือบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าแม้แต่แบรนด์สุดหรูที่ยึดมั่นในดีเอ็นเอของรถสปอร์ตก็ยังต้องขยายขอบเขตเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของ ตลาดรถหรู ที่เปลี่ยนแปลงไป
ในประเทศไทย การเข้ามาของตัวแทนจำหน่ายรายใหม่อย่างเรนาสโซ มอเตอร์ พร้อมกับการลงทุนสร้างศูนย์บริการและโชว์รูมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดไทยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์สามารถเร่งทำตลาดได้อย่างจริงจังและรักษาตำแหน่งรถยนต์ในฝันของใครหลายคนไว้ได้ ในปี 2025 นี้ เรายังคงเห็นการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม และ SUV หรู โดยแบรนด์ลักชัวรีดั้งเดิมต่างเร่งพัฒนา นวัตกรรมยานยนต์หรู เพื่อผสานสมรรถนะอันเป็นเลิศเข้ากับความยั่งยืนที่ตลาดเรียกร้อง
อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Bentley Flying Spur ซึ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานหลังช่วงเวลาที่เรากำลังย้อนอดีตไปดู รถยนต์คันนี้เป็นตัวแทนของอัครยานยนต์สปอร์ตซีดานที่ผสานความประณีตดุจงานฝีมือของอังกฤษเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่โดดเด่น ไฟหน้า LED ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแก้วคริสตัล พร้อมโลโก้ Flying B ที่ปรับให้ทันสมัยขึ้น ล้วนสะท้อนถึงการรักษาเอกลักษณ์และวิวัฒนาการไปพร้อมกัน แม้ในปี 2025 เครื่องยนต์ W12 สูบอันทรงพลังของ Flying Spur จะเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ Bentley ก็ยังคงรักษาฐานลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความหรูหราแบบดั้งเดิมและความพิถีพิถันที่ไม่เหมือนใคร การปรับตัวของ Bentley สู่ รถยนต์ไฟฟ้าเบนท์ลีย์ ในอนาคตอันใกล้จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความสามารถในการยืนหยัดในโลกยานยนต์ที่กำลังหมุนไปอย่างรวดเร็ว
เสียงสะท้อนจาก Motor Expo 2018: อดีตที่กำหนดปัจจุบันของตลาดรถยนต์ไทย
งานมหกรรมยานยนต์ หรือ Motor Expo เป็นดัชนีสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มและความสนใจของผู้บริโภคในประเทศไทยอย่างชัดเจน ย้อนกลับไปในงาน Motor Expo ครั้งที่ 35 เมื่อปี 2018 ข้อมูลยอดจองรถยนต์ได้เผยให้เห็นภาพที่น่าสนใจและยังคงส่งผลต่อเนื่องมาถึงปี 2025
ในครั้งนั้น Honda Automobile สามารถคว้ายอดจองอันดับ 1 ไปครอง ด้วยยอดรวม 6,842 คัน โดยมี Honda Civic Minorchange 2019 ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัย Honda SENSING เป็นตัวชูโรงที่กวาดยอดจองนำโด่งตั้งแต่เริ่มต้นงาน ตามมาด้วย รถยนต์ยอดนิยม ตลอดกาลอย่าง City และ Jazz รวมถึงรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่อย่าง HR-V และ CR-V ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม การที่รถยนต์ซีดานอย่าง Civic สามารถทำยอดจองสูงสุดในงานได้ สะท้อนให้เห็นว่าแม้ในยุคนั้น กระแสรถยนต์อเนกประสงค์จะเริ่มเข้ามามีบทบาท แต่ รถยนต์ซีดาน ที่มีรูปลักษณ์การขับขี่ที่โดนใจ พร้อมเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามา ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคชาวไทย
Mazda ตามมาเป็นอันดับสองด้วยยอดจอง 6,509 คัน โดยมี Mazda 2 เป็นรถรุ่นขายดีที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้จะเปิดตัวมานานแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของคุณภาพการขับขี่และประสิทธิภาพที่บอกต่อกันปากต่อปากของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ
สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษจาก Motor Expo 2018 คือยอดจองของรถยนต์หรูหราอย่าง Mercedes-Benz, BMW, Volvo, Audi, Porsche และ Lexus ซึ่งมีตัวเลขที่สูงสวนทางกับกระแสข่าวเศรษฐกิจซบเซาอย่างสิ้นเชิง รถยนต์เหล่านี้มีราคาตั้งแต่ 1.99 ล้านบาทไปจนถึง 15 ล้านบาท แต่กลับขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำว่ากลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงยังคงมีความต้องการและพร้อมที่จะจับจ่าย ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องมาถึงปี 2025 โดยเฉพาะในตลาด รถหรู และ รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ที่ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ในวันนี้ปี 2025 แม้ รถยนต์ซีดาน จะยังคงมีที่ยืนในตลาด แต่ทิศทางได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน รถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์ไฟฟ้า ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง การเปิดตัว โปรโมชั่นรถยนต์ และแคมเปญต่างๆ ในงาน Motor Expo ในปัจจุบันจึงเน้นไปที่รถยนต์พลังงานใหม่มากขึ้น แบรนด์ รถยนต์ยอดนิยม ต่างๆ ต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อนำเสนอรถยนต์ที่ตอบโจทย์ด้านพลังงานทางเลือก การเชื่อมต่อ และ เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ ขั้นสูง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
บทเรียนจากตลาด EV นอร์เวย์ 2019 สู่ประเทศไทย 2025: ก้าวกระโดดของรถยนต์ไฟฟ้า
ประเทศนอร์เวย์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค รถยนต์ไฟฟ้า ของโลก ข้อมูลยอดขายสะสมสูงสุดในประเทศนอร์เวย์ระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2019 ได้เผยให้เห็นภาพอันน่าทึ่งของการยอมรับ ยานยนต์ไฟฟ้า ในตลาดที่เติบโตเต็มที่
Tesla Model 3 ซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 กลับสร้างยอดขายสะสมสูงสุดถึง 13,276 คัน ภายในเวลาเพียง 8 เดือน แซงหน้าคู่แข่งอย่าง Volkswagen e-Golf (7,686 คัน) และ Nissan Leaf (6,288 คัน) ได้อย่างขาดลอย การพุ่งทะยานของ Tesla Model 3 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูง เทคโนโลยีล้ำสมัย และภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่งในการดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับประเทศไทยในปี 2025 เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่คล้ายคลึงกัน รัฐบาลได้ให้การสนับสนุน นโยบาย EV อย่างเต็มที่ ทั้งมาตรการลดภาษีและเงินอุดหนุน ส่งผลให้ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มคุ้นเคยและให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สถานีชาร์จ EV ได้รับการติดตั้งแพร่หลายขึ้นทั่วประเทศ และตัวเลือกของ รถยนต์ไฟฟ้า ก็มีหลากหลาย ตั้งแต่ราคาเข้าถึงง่ายไปจนถึงกลุ่มพรีเมียม
บทบาทของแบรนด์ต่างๆ ในตลาด EV ของไทยก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน แบรนด์อย่าง เทสล่า ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มพรีเมียม แต่คู่แข่งจากจีนและยุโรปก็เข้ามาทำตลาดอย่างดุเดือด แบรนด์ยุโรปอย่าง Audi (ด้วย Audi e-tron ที่ปัจจุบันพัฒนาเป็นรุ่น Q8 e-tron) และ BMW (ที่ได้ยกเลิก BMW i3 แต่แทนที่ด้วยตระกูล i-Series ที่ทันสมัยกว่า) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ในขณะที่แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Nissan Leaf แม้จะเคยเป็นผู้บุกเบิก แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นจากรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ Hyundai Kona และ IONIQ ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ที่เน้นความคุ้มค่าและเทคโนโลยี
สิ่งที่ประเทศไทยเรียนรู้จากนอร์เวย์คือความสำคัญของระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่เข้าถึงง่าย การสนับสนุนจากภาครัฐ และตัวเลือกของรถยนต์ที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้ใช้งาน ในปี 2025 นี้ เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยกำลังเดินตามรอยนอร์เวย์ในการเป็นหนึ่งในประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างแท้จริง
นวัตกรรมและดีไซน์: รางวัล Japan Car of the Year และกระแสยานยนต์โลกที่ก้าวไปข้างหน้า
รางวัล Japan Car of the Year ถือเป็นหนึ่งในเกียรติยศสูงสุดในวงการยานยนต์ของเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานด้าน นวัตกรรมยานยนต์ และ ดีไซน์รถยนต์ ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ย้อนกลับไปในงานประกาศรางวัล Japan Car of The Year 2018 – 2019 Volvo XC40 รถยนต์สัญชาติสวีเดนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศไปครองได้ 2 ปีติดต่อกัน (รุ่นพี่อย่าง XC60 เคยได้รับรางวัลนี้ไปในปี 2017-2018)
เหตุผลที่ Volvo XC40 ได้รับคะแนนส่วนใหญ่มาจาก ดีไซน์รถยนต์ ที่ดูสปอร์ต ขนาดตัวถังที่เหมาะสมกับสภาพถนนในญี่ปุ่น ห้องโดยสารสไตล์สแกนดิเนเวียนที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและประโยชน์ใช้สอย ประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสปอร์ตและสะดวกสบาย รวมถึงระบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ ที่อัดแน่นมาอย่างเต็มที่ การชนะของ Volvo XC40 ย้ำให้เห็นว่าในปี 2025 ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับรถยนต์ที่มีความสมดุลทั้งด้านความสวยงาม ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่ม รถยนต์ SUV ขนาดกลางที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รางวัลพิเศษอื่นๆ ยังสะท้อนถึงทิศทางที่น่าสนใจของวงการยานยนต์:
Best Innovation Award: Honda Clarity PHEV – รถยนต์ซีดานที่ติดตั้งระบบ Plug-in Hybrid ขั้นสูง สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร สะท้อนถึงการพัฒนาระบบ รถยนต์ไฮบริด ที่ก้าวหน้า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสะพานเชื่อมสู่ยุค ยานยนต์ไฟฟ้า เต็มรูปแบบ
Emotional Award: BMW X2 – การออกแบบที่ผสานความเป็น SUV เข้ากับเส้นสายแบบ Coupe สร้างสรรค์เป็นสิ่งใหม่ที่น่าตื่นตา พร้อมสมรรถนะการขับขี่ตามแบบฉบับ BMW ในปี 2025 แนวคิดของรถยนต์ที่กระตุ้นอารมณ์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยังคงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่ม รถหรู ที่ต้องการสร้างความแตกต่าง
Small Mobility Award: Daihatsu Mira Tocot – รถยนต์ขนาดเล็กที่ออกแบบโดยคำนึงถึงความเห็นของผู้หญิง ขับขี่ง่าย ปลอดภัย และมีราคาเข้าถึงได้ สะท้อนถึงความต้องการรถยนต์เพื่อการใช้งานในเมืองที่เน้นความกะทัดรัดและฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดกลุ่มประหยัดพลังงาน
Special Achievement Award: Toyota Gazoo Racing และ Honda N-Van – การคว้ารางวัลจากการแข่งขัน Le Mans 24 Hours ของ Toyota Gazoo Racing ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งด้านมอเตอร์สปอร์ตที่นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีในรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในขณะที่ Honda N-Van ซึ่งเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่มีความหลากหลายในการใช้งาน สะท้อนถึงการขยายวงการรถยนต์ขนาดเล็กให้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่น
ในปี 2025 แนวคิดด้าน นวัตกรรมยานยนต์ และ ดีไซน์รถยนต์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่ยังเป็นพื้นที่อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก เต็มไปด้วย เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ ที่ล้ำสมัย และดีไซน์ที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่
ถอดรหัสความสนใจผู้บริโภค: จากข่าวสารยอดนิยม สู่แนวโน้ม 2025
การวิเคราะห์ข่าวสารยอดนิยมที่ผู้บริโภคให้ความสนใจในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่นจากอันดับข่าวในอดีต) สามารถบอกเล่าเรื่องราวของแนวโน้มและความคาดหวังที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ได้เป็นอย่างดี ข่าวสารต่างๆ ที่เคยได้รับความนิยมเมื่อหลายปีก่อนได้สะท้อนถึงจุดสนใจที่ยังคงมีอิทธิพลต่อ ตลาดรถยนต์ ในปี 2025
ยานยนต์สมรรถนะสูงและตำนานอมตะ: ข่าวรีวิว Ford Mustang 2.3L EcoBoost หรือการเตรียมวางจำหน่าย Nissan GT-R “ก๊อตซิลล่า” รวมถึงมอเตอร์ไซค์อย่าง Triumph Speed Twin และ Royal Enfield 650 Twins แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลใน รถยนต์สมรรถนะสูง และมอเตอร์ไซค์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่เคยจางหายไป ในปี 2025 นี้ ความเร็วและประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจยังคงเป็นสิ่งดึงดูดใจ แต่กระแสได้เปลี่ยนไปสู่ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง มากขึ้น หลายแบรนด์หรูได้เปิดตัว EV ที่ให้พละกำลังและอัตราเร่งที่เหนือกว่ารถสันดาปภายในแบบดั้งเดิม
การเปิดตัวและปรับโฉมใหม่: ข่าวการเปิดตัว All-new Mazda 3, การเปรียบเทียบ 2019 Mazda 3 กับโฉมปัจจุบัน, การปรับโฉม Nissan Maxima, การเตรียมเปิดตัว Suzuki Ertiga ใหม่ และกระแส รถกระบะ MG ที่จะมาแน่ในปี 2019 ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างมากกับการเปลี่ยนแปลงของ รถยนต์รุ่นใหม่ และการปรับปรุงรุ่นเดิมให้ทันสมัยอยู่เสมอ ในปี 2025 นี้ ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงจากการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่นำเสนอ รถยนต์รุ่นใหม่ ในราคาที่เข้าถึงได้และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี การ รีวิวรถ และการเปรียบเทียบข้อมูลยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคในการตัดสินใจ
การก้าวเข้าสู่ยุค EV: ข่าว The Audi E-Tron GT พลังไฟฟ้าที่เตรียมอวดโฉมในภาพยนตร์ Avengers 4 ถือเป็นสัญญาณแรกๆ ของการเข้ามาของ ยานยนต์ไฟฟ้า ในตลาดพรีเมียม ซึ่งเป็นการส่งสารถึงผู้บริโภคว่าอนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังจะมาถึงแล้ว ในปี 2025 นี้ รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่เรื่องใหม่และเป็นกระแสหลักอย่างแท้จริง แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกต่างมุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในทุกเซกเมนต์ และ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ได้กลายเป็นสนามรบที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์
จากแนวโน้มเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคในปัจจุบัน (และย้อนกลับไปในอดีต) มีความต้องการที่หลากหลาย แต่แก่นแท้คือการแสวงหานวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าควบคู่กันไป ในปี 2025 แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จคือแบรนด์ที่สามารถคาดการณ์ความต้องการเหล่านี้ และนำเสนอ ยานยนต์แห่งอนาคต ที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี การขับขี่ และความยั่งยืน
สรุป: อนาคตยานยนต์ไทย 2025 บนเส้นทางแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน
ปี 2025 ยืนยันว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย การวิเคราะห์ข้อมูลจากปี 2018-2019 เผยให้เห็นว่ารากฐานของความสนใจของผู้บริโภคและความสามารถในการปรับตัวของแบรนด์ต่างๆ ได้ปูทางไปสู่ภูมิทัศน์ยานยนต์ในปัจจุบัน
ตลาดรถหรู ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรถยนต์อเนกประสงค์หรู (Super SUV) และ รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ แบรนด์ดังระดับโลกยังคงมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยและลงทุนอย่างต่อเนื่อง
กระแสความนิยมจากงาน Motor Expo ในอดีตได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของตลาด การที่ รถยนต์ซีดาน เคยครองแชมป์ได้สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและดีไซน์ที่ลงตัว ในขณะที่ยอดขาย รถหรู ที่พุ่งทะยานได้ยืนยันถึงกำลังซื้อของกลุ่มเศรษฐีที่ไม่เคยลดลง และแนวโน้มนี้ได้ถูกส่งต่อมาถึงยุคของ รถยนต์ไฟฟ้า
บทเรียนจากตลาด EV ในนอร์เวย์แสดงให้เห็นว่าการสนับสนุนจากภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะเร่งให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค ยานยนต์ไฟฟ้า เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2025 ประเทศไทยกำลังเดินหน้าอย่างเต็มตัวในทิศทางนี้ โดยมี สถานีชาร์จ EV ที่เพิ่มขึ้นและตัวเลือก รถยนต์ไฟฟ้า ที่หลากหลาย
นวัตกรรมยานยนต์ และ ดีไซน์รถยนต์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขัน รางวัล Japan Car of the Year และความสนใจของผู้บริโภคในข่าวสารยานยนต์ต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าผู้คนต้องการรถยนต์ที่ทั้งสวยงาม ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงความหลงใหลในยานยนต์สมรรถนะสูงที่ยังคงอยู่ แม้จะเริ่มเปลี่ยนไปสู่พลังงานไฟฟ้าก็ตาม
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้ ผมมองว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ ในปี 2025 คือการผสานรวมระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย ความยั่งยืน และความต้องการส่วนบุคคลอย่างลงตัว แบรนด์ที่สามารถนำเสนอ ยานยนต์แห่งอนาคต ที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง จะเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์ไทยและระดับโลกต่อไป
