โลกยานยนต์ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของพาหนะที่พาเราจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอีกต่อไป แต่ได้วิวัฒนาการสู่การเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยี และความยั่งยืนที่ผสานรวมกันอย่างกลมกลืน ตั้งแต่ล้อแม็กซ์สมรรถนะสูงที่เคยเป็นหัวใจของการแต่งรถ ไปจนถึงการปฏิวัติของรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาพลิกโฉมตลาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และบริการเช่ารถหรูที่สะท้อนความต้องการประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่การครอบครอง บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงภูมิทัศน์ยานยนต์อันน่าตื่นเต้นในปี 2025 ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม ความหรูหรา และทางเลือกที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ล้อแม็กซ์: ศิลปะแห่งวิศวกรรมที่ยังคงขับเคลื่อนโลกยานยนต์
แม้ว่ากระแสของรถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงเพียงใด แต่หัวใจสำคัญที่ยังคงเชื่อมโยงรถยนต์เข้ากับถนน นั่นคือ “ล้อ” ก็ยังคงได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ในปี 2025 ล้อแม็กซ์ไม่ได้เป็นเพียงส่วนประกอบที่รับน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพ ความสวยงาม และเทคโนโลยีขั้นสูง แบรนด์ล้อแม็กซ์ระดับโลกหลายแห่งยังคงเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานใหม่ๆ โดยเน้นที่น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ความแข็งแกร่ง และการออกแบบที่ล้ำสมัย เพื่อรองรับสมรรถนะของรถยนต์ยุคใหม่ ทั้งรถสันดาปภายในและรถยนต์ไฟฟ้า
VOSSEN ล้อแม็กซ์สุดหรูจากไมอามี ฟลอริดา ยังคงเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้สร้างสรรค์ “ศิลปะทางวิศวกรรม” ด้วยกรรมวิธีการขึ้นรูปล้อแบบ Forged ที่ใช้แรงอัดสูงและงานทำมืออันประณีต ทำให้ล้อ Vossen ไม่เพียงแต่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง แต่ยังสามารถออกแบบได้อย่างอิสระและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับรูปลักษณ์และสมรรถนะของรถให้เหนือกว่าใคร ราคาที่สูงของ Vossen จึงมาพร้อมกับคุณภาพและดีไซน์ที่ไม่เป็นสองรองใคร
สำหรับสายซิ่งและผู้ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุดในสนามแข่ง RAYS Engineering ยังคงเป็นตำนานที่ไม่เสื่อมคลาย ภายใต้เครือข่ายของ RAYS เราได้เห็นความโดดเด่นของ GRAM LIGHTS ที่เน้นล้อแม็กซ์น้ำหนักเบาสำหรับการขับขี่ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว โดยใช้กรรมวิธีการหล่อ (Casting) ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ VOLK RACING Wheel ซึ่งถือเป็นเรือธงของ RAYS ที่ใช้เทคโนโลยีการอัดขึ้นรูป (Forged) เพื่อให้ได้ล้อที่เบาและแข็งแกร่งที่สุด ตอบโจทย์ทั้งในสนามแข่งและความนิยมบนท้องถนนที่ยังคงเห็นรุ่นยอดนิยมอย่าง TE37 หรือ CE28
ด้านแบรนด์ล้อแม็กซ์จากยุโรปอย่าง O.Z. ก็ยังคงเป็นผู้ผลิตล้ออัลลอยชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น F1, Rally หรือ DTM ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในสนามแข่ง ทำให้ O.Z. มีความเชี่ยวชาญในการผลิตล้อ OEM สำหรับซูเปอร์คาร์ชั้นนำอย่าง Ferrari, Lamborghini และ McLaren สิ่งนี้ตอกย้ำถึงมาตรฐานที่สูงลิบและการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด ขณะที่ BBS ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 37 ปี ก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่ผสานจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันเข้ากับการออกแบบล้ออัลลอยน้ำหนักเบาด้วยเทคโนโลยีกดอัดแน่นที่ได้มาตรฐานระดับโลก
นอกจากนี้ แบรนด์อื่นๆ เช่น KONIG ที่โดดเด่นเรื่องน้ำหนักเบาและความแข็งแกร่งสำหรับการใช้งานระดับมอเตอร์สปอร์ต รวมถึงการเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี Flow Forming, WORK ล้อไฮเอนด์จากญี่ปุ่นที่โด่งดังในรุ่น WORK Equip และ WORK Meister ที่มีดีไซน์ล้อแบบ 2 ชิ้นอันเป็นเอกลักษณ์ และ ENKEI แบรนด์เก่าแก่จากญี่ปุ่นที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1950 และยังคงพัฒนาล้อที่มีนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีรุ่นยอดนิยมอย่าง RPF1 และ RPT1 ที่ครองใจทั้งรถซิ่งและรถกระบะ ยังคงเป็นทางเลือกที่หลากหลายและน่าสนใจในตลาดล้อแม็กซ์ปี 2025
การปฏิวัติยานยนต์ไฟฟ้า: จากหลักสิบสู่การครองตลาดในประเทศไทยปี 2025
หากมองย้อนกลับไปในปี 2020 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV 100% ในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยอดขายรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่เพียง 198 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.06% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด โดยมี MG ZS EV เป็นผู้นำตลาดอย่างท่วมท้นด้วยส่วนแบ่งกว่า 93.4% ตามมาด้วย Nissan LEAF และ Hyundai KONA Electric แต่สถานการณ์ในปี 2025 ได้พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง
ภายในเวลาเพียง 5 ปี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนอย่างจริงจังในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้า พร้อมทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนและลดภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ตลาด EV เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคมีความมั่นใจในเทคโนโลยีและระยะทางการวิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แบรนด์รถยนต์หน้าใหม่จากจีนและยุโรปจำนวนมากได้เข้ามาแข่งขันกันอย่างดุเดือด ไม่ใช่แค่เพียงการนำเข้า แต่ยังรวมถึงการตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยเพื่อรองรับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น
ในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “กระแสหลัก” ที่เห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน สถานีชาร์จสาธารณะกระจายอยู่ทั่วประเทศและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เวลาในการชาร์จลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และแบตเตอรี่มีความทนทานยาวนานขึ้น ปัญหาเรื่อง “Range Anxiety” หรือความกังวลเรื่องระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแทบจะหมดไป รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน (2025) ไม่เพียงแค่ประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษา แต่ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ แรงบิดที่ตอบสนองทันใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจและเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นในทุกกลุ่มตลาด
ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์: SUV และ Van กับการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในปี 2025
ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2025 โดยเฉพาะกลุ่ม SUV และ MPV/Van ที่ปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นรถครอบครัวขนาดใหญ่ที่เน้นความสะดวกสบาย หรือรถ SUV ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองและไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ
กลุ่ม SubCompact SUV: หากย้อนไปในปี 2020 MG ZS เคยเป็นผู้นำตลาด SubCompact SUV ด้วยราคาและออปชั่นที่คุ้มค่า แต่การเข้ามาของ Toyota Corolla Cross ที่สามารถส่งมอบได้ทันทีและมาพร้อมภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่งได้พลิกโฉมตลาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 1 ในช่วงปลายปีนั้น ตามมาด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นจาก Nissan Kicks และ Mazda CX-3 ที่เร่งปรับปรุงทั้งราคาและอุปกรณ์เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่ง
ในปี 2025 ตลาด SubCompact SUV ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการผสมผสานของเทคโนโลยี Hybrid และ Plug-in Hybrid ที่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ รวมถึงดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและฟังก์ชันการขับขี่อัจฉริยะที่พัฒนาไปอีกขั้น ผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Peugeot 2008 ที่นำเข้าจากมาเลเซียได้เข้ามาสร้างสีสัน และ All NEW Honda HR-V ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2021 ก็ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยม ด้วยความลงตัวของดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ การแข่งขันในกลุ่มนี้เน้นไปที่ความประหยัดน้ำมันในราคาที่เข้าถึงได้และออปชั่นด้านความปลอดภัยที่จัดเต็ม
กลุ่มรถตู้ (Van 11 ที่นั่ง): ในปี 2020 ตลาดรถตู้ 11 ที่นั่งเคยถูก Hyundai H-1 ผูกขาดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ KIA Grand Carnival และการเปิดตัว All NEW Toyota Majesty จะเข้ามาสร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรง ทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น โดย Toyota Majesty สามารถครองส่วนแบ่งตลาดไปได้อย่างรวดเร็วด้วยดีไซน์ที่หรูหราและออปชั่นภายในที่ครบครัน
ในปี 2025 ตลาด Van 11 ที่นั่งได้ยกระดับความหรูหราและเทคโนโลยีไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่เพียงรถรับส่ง แต่ยังเป็น “ห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่” ที่ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางเพื่อธุรกิจและการท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ แบรนด์ต่างๆ แข่งขันกันด้วยความสะดวกสบายของเบาะนั่ง เทคโนโลยีความบันเทิงภายในรถ (In-Car Entertainment) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง และที่สำคัญคือการนำเสนอทางเลือกพลังงานทางเลือก เช่น Hybrid หรือ Mild Hybrid เพื่อเพิ่มความประหยัดและลดมลพิษ ผู้บริโภคในปี 2025 ต้องการความพรีเมียม ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว
กลุ่ม SubCompact Hatchback: ปี 2020 เป็นปีที่ตลาดรถยนต์ SubCompact Hatchback มีการแข่งขันสูง การปรับโฉม Minorchange และ New Modelchange ของหลายแบรนด์ เช่น Toyota Yaris, Mazda 2 และ Mitsubishi Mirage เข้ามาเติมเต็มความสดใหม่ให้กับตลาด แม้กลุ่ม Hatchback จะไม่ร้อนแรงเท่า Sedan แต่ก็ยังคงมียอดขายที่ดี โดยเฉพาะ Toyota Yaris ที่เพิ่มระบบความปลอดภัย Toyota Safety SENSE เข้ามา รวมถึง All NEW Honda City HATCHBACK ที่เข้ามาแทนที่ Honda Jazz และสามารถครองอันดับ 1 ได้อย่างรวดเร็วในปี 2021
ในปี 2025 ตลาด Hatchback ขนาดเล็กยังคงเป็นตัวเลือกที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวและความประหยัดน้ำมัน (หรือไฟฟ้า) แบรนด์ต่างๆ ได้พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และรุ่น Hybrid ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในกลุ่มนี้ รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (Connectivity) ที่ทันสมัย ทำให้รถยนต์ในกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นแค่รถราคาประหยัด แต่ยังเต็มไปด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
ไฮเปอร์คาร์และสุดยอดวิศวกรรม: ความเร็วที่ไร้ขีดจำกัดในปี 2025
สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและสุดยอดแห่งวิศวกรรม ไฮเปอร์คาร์ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แม้ในปี 2020 เราจะได้เห็นการเปิดตัวของ SSC Tuatara ไฮเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกันที่สร้างขึ้นด้วยตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาและเครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo ขนาด 5.9 ลิตรที่ให้กำลังสูงสุดถึง 1,750 แรงม้าเมื่อใช้น้ำมัน E85 โดยตั้งเป้าทำความเร็วทะลุ 300 ไมล์/ชม. (ประมาณ 482 กม./ชม.) เพื่อทวงบัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว
ในปี 2025 โลกของไฮเปอร์คาร์ได้พัฒนาไปอีกขั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วสูงสุด แต่ยังรวมถึงการใช้พลังงานทางเลือก การผสมผสานระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อสร้างขุมพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน ไฮเปอร์คาร์ยุคใหม่เน้นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น การใช้วัสดุล้ำยุคอย่างคาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียมในทุกส่วนเพื่อลดน้ำหนัก และระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้ปลอดภัยและตอบสนองได้ตามใจนึก การผลิตยังคงจำกัดจำนวนอย่างเข้มงวด ทำให้ไฮเปอร์คาร์ยังคงเป็นของสะสมและสัญลักษณ์แห่งความพิเศษสำหรับผู้ครอบครอง
ประสบการณ์เหนือระดับ: บริการเช่ารถหรูและรถสปอร์ตในปี 2025
ในยุคที่ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้คนมีความหลากหลายมากขึ้น แนวคิดการ “ครอบครอง” รถยนต์หรูราคาแพงอาจไม่ใช่ทางเลือกเดียวอีกต่อไป บริการเช่ารถหรู รถสปอร์ต และซูเปอร์คาร์ระดับลักซ์ชัวรี่จึงเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2025 โดยเฉพาะ Richcars (ริชคาร์เรนทัล) ที่ยังคงเป็นผู้นำอันดับ 1 ในประเทศไทย
ผู้คนหันมาใช้บริการเช่ารถหรูเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การสันทนาการ การสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในการเจรจาธุรกิจ หรืองานโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานแต่งงานและงานวันเกิด การเข้าถึงรถยนต์ในฝันอย่าง Lamborghini, Porsche, BMW หรือ Mercedes-Benz ด้วยอัตราค่าเช่าที่เริ่มต้นเพียง 7,900 บาทต่อวัน ทำให้ประสบการณ์ความหรูหราไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป
บริการในปี 2025 ได้รับการพัฒนาให้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ผู้เช่าสามารถจองผ่านแอปพลิเคชันที่ทันสมัย ไม่ต้องใช้เอกสารทางการเงินที่ยุ่งยาก เพียงแค่บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถใช้บริการได้ทันที พร้อมบริการรับ-ส่งรถนอกสถานที่ทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง และที่สำคัญคือ “ไม่จำกัดเลขไมล์” ทำให้ผู้เช่ามีอิสระในการขับขี่ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแอบแฝง อัตราค่าเช่าที่โปร่งใส ซึ่งรวมค่าประกันภัยชั้น 1 และบริการบำรุงรักษาฉุกเฉิน ทำให้ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
แนวคิดนี้ยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้เฉพาะวันที่ต้องการใช้รถยนต์จริง และยังเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสรถรุ่นใหม่ๆ หรือเปลี่ยนรถได้ตามโอกาส โดยไม่ต้องลงทุนซื้อรถเอง ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถและบำรุงรักษา และสามารถนำเงินส่วนต่างไปลงทุนในส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย สะท้อนให้เห็นว่าในปี 2025 การเข้าถึงประสบการณ์ที่เหนือระดับมีความสำคัญไม่แพ้การครอบครอง
ย้อนรอยความทรงจำ: รถยนต์ยอดนิยมจาก Motor Expo 2019 สู่ยุค 2025
การมองย้อนกลับไปที่ Motor Expo ปี 2019 ทำให้เราเห็นภาพวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างชัดเจน รถยนต์ 10 อันดับที่ได้รับความสนใจในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็น Nissan Almera โฉมใหม่ที่ดูปราดเปรียวขึ้น, McLaren GT 720S ซูเปอร์คาร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้, Land Rover Range Rover Evoque เจเนอเรชันใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย, Volvo V60 แวกอนหรู Plug-in Hybrid ที่เน้นความปลอดภัย, Honda City รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ, Porsche Cayenne Coupe SUV สปอร์ตที่มาพร้อมความลาดเทของตัวถัง, Lamborghini Huracan Evo Spider ซูเปอร์คาร์เปิดประทุน, Nissan GT-R ตำนานความแรงครบรอบ 50 ปี, Jeep Wrangler รถลุยระดับตำนาน และ Toyota GR Supra รถสปอร์ตสายเลือดซามูไรที่หลายคนรอคอย
รถยนต์เหล่านี้เป็นตัวแทนของนวัตกรรมและความนิยมในยุคสมัยนั้น ซึ่งหลายฟีเจอร์และเทคโนโลยีที่เคยเป็นจุดเด่นในปี 2019 ได้กลายมาเป็น “มาตรฐาน” หรือถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของปี 2025 เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติบางส่วน ระบบความปลอดภัยเชิงรุก หรือเครื่องยนต์ Hybrid ที่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น การย้อนรอยอดีตทำให้เราเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่เคยหยุดนิ่ง และยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้ง
สรุป: โลกยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและทางเลือก
ปี 2025 คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการยานยนต์ เราได้เห็นการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายในไปสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน เทคโนโลยีการผลิตล้อแม็กซ์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการเสริมสมรรถนะและความสวยงามของรถยนต์ทุกประเภท ขณะที่ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ต่างๆ ได้ปรับตัวเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น ความหรูหราและประสิทธิภาพสูงสุดยังคงเป็นจุดมุ่งหมายของไฮเปอร์คาร์ และที่สำคัญคือการเติบโตของบริการเช่ารถหรูที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่แสวงหา “ประสบการณ์” มากกว่าแค่การครอบครอง
อนาคตของยานยนต์ในปี 2025 และปีต่อๆ ไป จะยังคงเต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง ความยั่งยืน และทางเลือกที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการส่วนบุคคลอย่างแท้จริง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการขับเคลื่อนไปสู่การเดินทางที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

