• Sample Page
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result

N0412055_เล ยงเส ยข าวส กจร งๆ าให นเร ยนจนจบ แต บมาเนรค ณแบบน_part2

admin79 by admin79
November 29, 2025
in Uncategorized
0
N0412055_เล ยงเส ยข าวส กจร งๆ าให นเร ยนจนจบ แต บมาเนรค ณแบบน_part2

ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว การคงความเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ แบรนด์สัญลักษณ์แห่งความหรูหราและนวัตกรรม พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและพันธกิจอันแน่วแน่ ในปี 2025 นี้ เราได้เห็นถึงบทสรุปของความมุ่งมั่นเหล่านั้นจากก้าวสำคัญต่างๆ ที่ได้ปูทางมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนล้อเลื่อน ไปจนถึงการช่วงชิงบัลลังก์ในตลาดเอสยูวีคูเป้ และการวางรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้า วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงเส้นทางที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เดินผ่านมา และวิเคราะห์ว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้พวกเขายังคงยืนหยัดในฐานะผู้บุกเบิกและผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์พรีเมียมได้อย่างไร้คู่แข่ง

เมื่อศิลปะและยานยนต์หลอมรวม: โปรเจกต์ Geländewagen กับ G-Class x Off-White

ย้อนกลับไปในปี 2020 โลกได้ตื่นตะลึงกับการผสานรวมศิลปะเข้ากับยานยนต์ชั้นสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่านโปรเจกต์ “Geländewagen” ซึ่งเป็นผลงานการร่วมมืออันโดดเด่นระหว่าง Virgil Abloh ผู้ล่วงลับ ซีอีโอและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Off-White และ Louis Vuitton ในขณะนั้น กับ Gordon Wagener หัวหน้าฝ่าย Design ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นี่ไม่ใช่เพียงแค่การแต่งรถ แต่เป็นการสร้างสรรค์ “งานศิลปะในรูปแบบรถยนต์” ที่ท้าทายกรอบเดิมๆ ของอุตสาหกรรมยานยนต์หรู และได้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าที่จะคิดนอกกรอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์

แนวคิดเบื้องหลังโปรเจกต์นี้คือการพลิกโฉม Mercedes-Benz G-Class ที่ขึ้นชื่อเรื่องสมรรถนะการขับขี่แบบ 4×4 ให้กลายเป็นเสมือน “รถแข่ง” ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อประมูลโดย Sotheby’s เพื่อสนับสนุนชุมชนสร้างสรรค์ระดับโลก ตัวรถถูกปรับแต่งให้มีความกว้างมากขึ้นและโหลดเตี้ยลงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยล้ออัลลอยและยางที่มีขนาดเกินจริง ทำให้รถคันนี้ดูฉูดฉาดและแปลกตาจาก G-Class ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ภายในห้องโดยสารก็ไม่ใช่แค่การออกแบบเพื่อความสวยงาม แต่เป็นการนำแรงบันดาลใจจากสนามแข่งมาใช้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยที่มาจาก Project 1 รถ Formula 1 หรือเบาะที่นั่งที่นำมาจากรถ DTM Car ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทั้งหมดภายในรถถูกเน้นด้วยสีแดงสด เช่น เข็มขัดนิรภัยและที่จับเปิด-ปิดประตู เพื่อสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความเร็วและความปลอดภัย

จากมุมมองของปี 2025 โปรเจกต์ Geländewagen ไม่ได้เป็นเพียงแค่การจัดประมูลรถยนต์ แต่เป็นการประกาศจุดยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการเป็นผู้นำด้าน นวัตกรรมยานยนต์หรู ที่ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่สมรรถนะหรือความสบายในการขับขี่ แต่ยังครอบคลุมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมร่วมสมัยและศิลปะระดับโลก การผสานระหว่าง การออกแบบรถยนต์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ G-Class กับวิสัยทัศน์ของ Virgil Abloh ได้สร้างบทสนทนาใหม่ๆ เกี่ยวกับขีดจำกัดของรถยนต์ในฐานะวัตถุทางศิลปะ และสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของแบรนด์ในการมอบ ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ที่เป็นส่วนตัวและเต็มไปด้วยความหมายเชิงศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าในตลาดรถหรูยุคปัจจุบันให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

การช่วงชิงบัลลังก์ในตลาด SUV Coupe: บทบาทของ All-new Mercedes-Benz GLE Coupe 2020

ในช่วงปลายปี 2010s ตลาดรถยนต์ SUV Coupe ถือเป็นสมรภูมิที่ร้อนแรง และการแข่งขันระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์กับคู่แข่งสำคัญอย่าง BMW X6 ได้ดำเนินไปอย่างเข้มข้น การเปิดตัว All-new Mercedes-Benz GLE Coupe ในปี 2020 จึงไม่ใช่แค่การนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ แต่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาด รถ SUV พรีเมียม เซกเมนต์นี้

ย้อนรอยกลับไป เมื่อ BMW X6 (E71) ได้บุกเบิกตลาด SUV ทรงคูเป้จนประสบความสำเร็จ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยอมรับว่าต้องตามหลังอยู่บ้าง แต่การมาของ All-new GLE Coupe 2020 ได้พลิกสถานการณ์โดยสิ้นเชิง ดีไซน์ภายนอกของ GLE Coupe ได้รับการพัฒนาให้มีความสปอร์ตและปราดเปรียวยิ่งกว่า Mercedes-Benz GLE รุ่นมาตรฐาน ด้วยแนวหลังคาที่ลาดเอียงลงอย่างสง่างาม แม้ส่วนหน้าจะยังคงมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับ GLE ทั่วไป แต่เมื่อมองจากด้านข้างและด้านหลัง จะเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน โดยเฉพาะไฟท้ายที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูหรูหราและมีความเป็นรถคูเป้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมอร์เซเดส-เบนซ์ตั้งใจที่จะยกระดับสุนทรียภาพแห่ง การออกแบบรถยนต์ ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น

สำหรับดีไซน์ภายใน All-new GLE Coupe 2020 ได้รับแรงบันดาลใจจาก Mercedes-Benz GLE 2020 แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง โดยมีแนวคิดที่ต้องการให้ห้องโดยสารดูห่างไกลจากความเป็นรถยนต์ทั่วไป แต่คล้ายคลึงกับ “ห้องบัญชาการ” ที่โปร่งโล่งและล้ำสมัย แผงมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ประกอบด้วยจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้วสองจอต่อเนื่องกัน พร้อมคอนโซลกลางที่หวือหวา และแถบไฟ Ambient Light ที่ปรับเฉดสีได้มากกว่าครึ่งร้อยสี สร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ MBUX เวอร์ชั่นล่าสุด ที่มีความสามารถในการเรียนรู้และเข้าใจสำนวนการพูดคุยปกติของผู้ขับขี่ ซึ่งเป็น เทคโนโลยี MBUX ล่าสุด ที่สร้างมาตรฐานใหม่ในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับยานยนต์

แม้พื้นที่ภายในจะรู้สึกกะทัดรัดกว่า GLE รุ่นมาตรฐานเล็กน้อย เนื่องจากแนวหลังคาที่ลาดลงและฐานล้อที่สั้นลง 60 มิลลิเมตร แต่การตกแต่งด้วยหนังสังเคราะห์ ARTICO บนแผงหน้าปัดและแผงประตู รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนังแท้ Nappa เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ก็ตอกย้ำถึงความหรูหรา หากต้องการความพิเศษยิ่งขึ้น ก็มีตัวเลือกหนังแท้ Nappa เกรดพรีเมียมให้เลือกสรร

ด้านขุมพลัง GLE Coupe 2020 (สำหรับตลาดยุโรปในขณะนั้น) นำเสนอเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 2 รุ่น ได้แก่ GLE Coupe 350 d 4MATIC ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร และ GLE Coupe 400 d 4MATIC ที่ให้กำลังสูงสุด 330 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ทั้งสองรุ่นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4MATIC) ที่สามารถถ่ายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและหลังได้ตั้งแต่ 0-100 เปอร์เซ็นต์ ตามสถานการณ์จริง รวมถึงกระจายแรงบิดแตกต่างกันในแต่ละล้อเพื่อลดอาการหน้าดื้อโค้งหรือท้ายปัด ซึ่งส่งผลต่อ สมรรถนะเครื่องยนต์ และการควบคุมที่คล่องตัวขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ฐานล้อที่สั้นกว่า GLE รุ่นมาตรฐานก็ช่วยให้ GLE Coupe ใหม่บังคับควบคุมได้ว่องไวและคล่องตัวยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แม้ระบบกันสะเทือนแบบสปริงลม AIRMATIC และ E-ACTIVE BODY CONTROL ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของตัวถังจะถูกเสนอเป็นอุปกรณ์เสริม แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ยกระดับ ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น ด้านความปลอดภัย ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ เช่น Active Braking Assist ถูกติดตั้งเป็นมาตรฐาน ส่วนระบบอื่นๆ เช่น Active Distance Assist DISTRONIC, Active Stop-and-Go Assist และ Active Steering Assist ก็มีให้เลือกเป็นออปชัน การมาของ GLE Coupe 2020 ไม่ใช่แค่การท้าทายคู่แข่ง แต่เป็นการประกาศว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมที่จะกำหนดนิยามใหม่ของ SUV Coupe ด้วยความหรูหรา นวัตกรรม และสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งจากมุมมองของปี 2025 นี้ ยิ่งเห็นได้ชัดว่ารถยนต์รุ่นนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซกเมนต์ได้อย่างแท้จริง

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย): รากฐานแห่งผู้นำสู่ทศวรรษใหม่

ย้อนกลับไปในช่วงปี 2018-2019 เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความมุ่งมั่นในการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถหรูอย่างต่อเนื่อง การแถลงผลประกอบการประจำปี 2561 ได้ตอกย้ำความเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรถหรูเมืองไทยถึง 18 ปีติดต่อกัน ด้วยยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 15,785 คัน และเติบโตถึง 9% ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสถิติ แต่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าชาวไทยในแบรนด์

มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ อดีตประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงความสำเร็จนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จระดับโลก ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถครองตำแหน่งแบรนด์รถหรูระดับพรีเมียมที่มียอดขายมากที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกกว่า 2.3 ล้านคัน โดยมีรถยนต์ตระกูลเอสยูวีเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จ ด้วยยอดขายกว่า 8.2 แสนคันทั่วโลก นอกจากนี้ แบรนด์ Mercedes-AMG ก็ทำยอดจำหน่ายสูงถึงหลักแสน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมในกลุ่มรถสมรรถนะสูง

สำหรับปี 2562 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้วางทิศทางการดำเนินธุรกิจที่เน้นการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่กว่า 20 รุ่น ครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ ภายใต้แบรนด์หลักอย่าง เมอร์เซเดส–เบนซ์, เมอร์เซเดส–เอเอ็มจี, เมอร์เซเดส–มายบัค และแบรนด์เทคโนโลยี EQ การรุกตลาดครั้งนี้มาพร้อมกับกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์

สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือความมุ่งมั่นในการสร้าง ระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า ที่ครอบคลุมอย่างแท้จริง ซึ่งในปี 2025 นี้ เราได้เห็นแล้วว่ากลยุทธ์ดังกล่าวได้ผลิดอกออกผลอย่างไรในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ของไทย แผนงานในช่วงนั้นครอบคลุมตั้งแต่การแนะนำรถยนต์ใหม่ในกลุ่ม EQ Power (Plug-in Hybrid), EQ Power+ (สำหรับ AMG), และ EQ (Battery Electric Vehicles หรือ BEV) ไปจนถึงการลงทุนในบริการหลังการขาย การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในขณะนั้นมีจุดชาร์จรวมกว่า 200 แห่ง และที่สำคัญคือการเดินสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ โรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและเป็นรากฐานสำคัญของ ความยั่งยืนด้านยานยนต์ ในปัจจุบัน

ในด้านบริการลูกค้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้วางกลยุทธ์ในการแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายจาก 32 แห่งเป็น 36 แห่งภายในสิ้นปี 2562 รวมถึงการเปิด คลังอะไหล่แห่งใหม่ ที่ทันสมัยที่สุดบนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งทำหน้าที่วิเคราะห์และจัดเก็บอะไหล่ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายอะไหล่และยกระดับ การบำรุงรักษารถหรู ให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญกับ ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีคุณภาพและเข้าถึงง่าย

นอกจากนี้ การลงทุนในการพัฒนาศักยภาพช่างเทคนิคผ่านโครงการเยอรมัน-ไทย เพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคี (GTDEE) ร่วมกับสถาบันการศึกษาชั้นนำหลายแห่ง ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพรองรับเทคโนโลยียานยนต์ที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากมุมมองของปี 2025 โครงการเหล่านี้ได้สร้างช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงรักษามาตรฐานการบริการอันเป็นเลิศไว้ได้

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์: ไฮไลต์จาก Motor Expo 2019 ที่กำหนดอนาคต

ย้อนกลับไปในปี 2019 งาน Motor Expo เป็นเวทีสำคัญที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ใช้ในการประกาศวิสัยทัศน์และนำเสนอขีดความสามารถด้านนวัตกรรมผ่านการเปิดตัวยนตรกรรมถึง 5 รุ่นใหม่ ซึ่งในปี 2025 นี้ เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารถยนต์เหล่านี้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดและตอกย้ำความเป็นผู้นำของแบรนด์ได้อย่างไร

Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium: S-Class แห่งโลก SUV
ในปี 2019 การมาถึงของ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium นับเป็นการยกระดับมาตรฐานของ รถ SUV พรีเมียม ขนาดใหญ่แบบ 7 ที่นั่งอย่างแท้จริง GLS เจเนอเรชันที่ 3 นี้ถูกขนานนามว่าเป็น “S-Class แห่งโลก SUV” ด้วยการนำเสนอความหรูหราสง่างามและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่า ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลที่ทรงประสิทธิภาพ ผสานกับการออกแบบภายนอกที่โดดเด่น อาทิ ไฟหน้า MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam ที่ประกอบด้วยหลอด LED ถึง 112 หลอดต่อโคม สามารถปรับความเข้มและระยะการส่องสว่างได้อัตโนมัติ ส่องได้ไกลกว่า 150 เมตร สร้างทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยม และล้ออัลลอย AMG ขนาด 21 นิ้วที่เสริมความสปอร์ตอย่างลงตัว บันไดข้างอะลูมิเนียมพร้อมปุ่มยางกันลื่นและหลังคาพาโนรามิกซันรูฟไฟฟ้าก็เป็นส่วนเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ

ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้กว้างขวางเป็นพิเศษ รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ท่านอย่างแท้จริง ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 มิลลิเมตรจากรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะเบาะนั่งแถวที่ 2 ที่ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ สามารถเลื่อนถอยหลังได้ถึง 10 ซม. เพิ่มพื้นที่วางขา และระบบ EASY-ENTRY พิเศษสำหรับการเข้าสู่ที่นั่งแถวที่ 3 ซึ่งเป็นที่นั่งแบบเต็มตัวที่รองรับผู้ใหญ่ที่มีส่วนสูงได้ถึง 194 ซม.ได้อย่างสบาย หากต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุดถึง 2,400 ลิตร ก็สามารถพับเบาะแถวที่ 2 และ 3 ให้ราบเรียบได้ การตกแต่งภายในยังหรูหราด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศ 64 สี และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ THERMOTRONIC ที่มอบ ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ไม่ต่างจากรถซาลูนหรู

ด้าน เทคโนโลยี MBUX ล่าสุด ของ GLS ในขณะนั้น ได้นำเสนอจอแสดงผล Digital widescreen cockpit คู่ขนาดใหญ่, Head-up display ที่แสดงข้อมูลสำคัญบนกระจกบังลมหน้าโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน และระบบนำทาง Hard Disc Navigation ที่แม่นยำสั่งงานได้ทั้งสัมผัสและเสียง พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® และการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay™ & Android Auto™ ที่กลายเป็นมาตรฐานในเวลาต่อมา บริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด่นอย่างระบบโทรฉุกเฉิน Mercedes-Benz emergency call system, Tele diagnostics สำหรับการวิเคราะห์สภาพรถ, และระบบแผนที่นำทางพร้อมข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ ตอกย้ำถึงการเชื่อมต่ออัจฉริยะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์มอบให้ลูกค้า

Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic: นิยามใหม่ของ SUV ประกอบในประเทศ
การเปิดตัว Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ณ Motor Expo 2019 เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะนำเสนอ นวัตกรรมยานยนต์หรู ที่เข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับตลาดไทย ด้วยการผสมผสานความอัจฉริยะและสุนทรียะการออกแบบภายใต้ปรัชญา Sensual Purity ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้า 6 เหลี่ยมยกสูง, ชุดไฟหน้า MULTIBEAM LED อัจฉริยะ, และ AMG Bodystyling รอบคัน พร้อมล้ออัลลอย AMG Multi-spoke ขนาด 21 นิ้ว ที่เสริมความดุดันและสมรรถนะ

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางเป็นพิเศษด้วยระยะฐานล้อ 2,995 มิลลิเมตร (+80 มม. จากรุ่นก่อนหน้า) ตกแต่งด้วยโครเมียมและหนัง ARTICO พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุม Touch Control เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ ที่สำคัญคือเบาะนั่งแถวที่สองที่ปรับไฟฟ้า เพิ่มพื้นที่วางขาได้มากถึง 69-1,049 มิลลิเมตร เพื่อความสะดวกในการเข้าสู่แถวที่สาม ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ภูมิใจนำเสนอเป็นแบรนด์แรกของโลกในกลุ่มรถ SUV ความจุห้องเก็บสัมภาระท้ายสูงถึง 855 ลิตร (ขยายได้ถึง 2,055 ลิตรเมื่อพับเบาะ) และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟไฟฟ้าช่วยเพิ่มความโปร่งโล่ง

เทคโนโลยี MBUX ล่าสุด ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของห้องโดยสาร พร้อมจอ Digital widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วคู่ และ Head-up display รวมถึงระบบเสียง Burmester® และการเชื่อมต่อ Mercedes me connect ที่สมบูรณ์แบบ
ด้าน ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ด้วย Active Distance Assist DISTRONIC, Blind Spot Assist, Active Lane Keeping Assist, และ Active Brake Assist ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ “Accident-free driving” ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ได้กลายมาเป็นมาตรฐานสำคัญในรถยนต์พรีเมียมยุคปัจจุบัน

Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé: พลังแห่ง SUV คูเป้สายพันธุ์แรง
สำหรับผู้ที่หลงใหลในความแรงและสไตล์ Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé ที่เปิดตัวในปี 2019 เป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวของคูเป้เข้ากับความแข็งแกร่งดุดันของ SUV ชุดแต่ง AMG bodystyling, กระจังหน้า AMG-specific radiator grille แนวตั้ง, ล้ออัลลอย AMG ขนาด 20 นิ้ว, ไฟหน้า MULTIBEAM LED ที่แม่นยำ, ปีก AMG บนฝากระโปรงหลัง และดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ ล้วนสะท้อนถึง DNA แห่งสนามแข่ง

ภายในมอบ ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ด้วยเบาะนั่ง AMG Performance seats หุ้มหนัง AMG nappa leather พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้ม DYNAMICA microfibre พร้อมปุ่มควบคุม AMG steering wheel button แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว ที่ปรับได้ 3 โหมดสไตล์ AMG และระบบ MBUX พร้อมจอสัมผัส 12.35 นิ้ว
สมรรถนะเครื่องยนต์ คือหัวใจของ GLC 63 S ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4 ลิตร Biturbo แบบ Hot inside V พร้อมระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT MCT 9G และระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ รวมถึงระบบกันสะเทือน AMG RIDE CONTROL+ air suspension ที่ควบคุมผ่าน AMG DYNAMIC SELECT ที่มีโหมด “RACE” โดยเฉพาะ ระบบความปลอดภัย PRE-SAFE®, ESP®, ABS, ADAPTIVE BRAKE, และ Active Brake Assist ล้วนทำงานร่วมกันเพื่อความปลอดภัยสูงสุดบนท้องถนนและในสนาม

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé (โฉมใหม่ประกอบในประเทศ): ความแรงที่เข้าถึงได้
Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé โฉมใหม่ที่ประกอบในประเทศในปี 2019 ได้นำเสนอความตื่นเต้นของ AMG Performance 4MATIC มาสู่ตลาดในวงกว้างขึ้น ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ปรับโฉมใหม่ เน้นความสปอร์ตดุดันผ่านชุดแต่ง AMG bodystyling, กระจังหน้า AMG-specific radiator grill, ไฟหน้า MULTIBEAM LED, ล้ออัลลอย AMG ขนาด 20 นิ้ว และท่อไอเสีย AMG Performance exhaust system พร้อมระบบกันสะเทือน AMG RIDE CONTROL+ air suspension ที่ปรับแต่งแบบ AMG sports

ห้องโดยสารภายในโดดเด่นด้วยเบาะนั่ง AMG Sport seat หุ้มหนังตัดสลับ DINAMICA microfibre ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และ AMG Carbon-fibre trim พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันท้ายตัดหุ้มหนัง Nappa คุณภาพสูง เทคโนโลยี MBUX ล่าสุด พร้อมจอสัมผัสและเรือนไมล์ดิจิทัล 10.25 นิ้ว, AMG Head-up Display และระบบเสียง Burmester® มอบความสะดวกสบายและความบันเทิงครบครัน
ขุมพลังจากเครื่องยนต์ V6 Biturbo พร้อมระบบส่งกำลัง AMG SPEEDSHIFT TCT 9G มอบ สมรรถนะเครื่องยนต์ ที่เร้าใจ พร้อม ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ เช่น Distance Pilot DISTRONIC ที่ควบคุมระยะห่างจากรถคันหน้าได้อัตโนมัติ ตอกย้ำความเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงที่มาพร้อมความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน

Mercedes-Benz E 300 e (ประกอบในประเทศ): ปลั๊กอินไฮบริดหัวใจหลักของ EQ Power
การเปิดตัว Mercedes-Benz E 300 e รุ่นประกอบในประเทศในปี 2019 เป็นหมุดหมายสำคัญในกลยุทธ์ EQ Power ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ซึ่งในปี 2025 นี้ เราได้เห็นแล้วว่านี่คือรากฐานสำคัญของ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง E 300 e นำเสนอความโดดเด่นด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 13.5 kWh ที่เพิ่มความจุถึง 110% จากรุ่นก่อนหน้า ทำให้สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลขึ้นถึง 60% และช่วยประหยัดน้ำมันในโหมดไฮบริดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ดีไซน์ภายนอกยังคงความสง่างามตามแบบฉบับ E-Class ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity มีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย (Avantgarde, Exclusive, AMG Dynamic) โดยรุ่น AMG Dynamic และ Exclusive มาพร้อมไฟหน้า MULTIBEAM LED พร้อม ULTRA RANGE Highbeam ภายในห้องโดยสารหรูหราด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO หรือ Nappa (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัส และจอ Digital widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ Audio 20 GPS ระบบไฟสร้างบรรยากาศ 64 สี มอบความหรูหราที่ปรับเปลี่ยนได้

ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ อย่าง PRE-SAFE®, ESP®, ABS, ADAPTIVE BRAKE, Cruise Control, ATTENTION ASSIST และ Parking Pilot ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐาน E-Class และบริการ ‘Mercedes me connect’ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อกับรถยนต์และศูนย์บริการ
ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่จาก 10% ถึง 100% ได้ภายใน 5 ชั่วโมงด้วย Wallbox และเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและประหยัดเชื้อเพลิง ผสานพลังรวมสูงสุด 320 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร พร้อมอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 46 กรัม/กม. E 300 e ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของ รถยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่ทิ้งสมรรถนะและ ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์

ในงาน Motor Expo ครั้งนั้น ยังมีข้อเสนอพิเศษสำหรับรุ่น Mercedes-Benz E 350 e Final Edition และ Mercedes-Benz GLA 200 Urban ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในความต้องการของตลาดและการมอบโอกาสให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของยนตรกรรมหรูของเมอร์เซเดส-เบนซ์ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว.

บทสรุป: เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้นำที่ไร้กาลเวลา สู่ทศวรรษใหม่แห่งยานยนต์

จากบทวิเคราะห์ตลอดช่วงที่ผ่านมา ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตรถยนต์หรู แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางและมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรม การเดินทางตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในปี 2025 เป็นเครื่องยืนยันถึงพันธกิจอันแน่วแน่ในการผสาน นวัตกรรมยานยนต์หรู เข้ากับความหรูหรา สมรรถนะ และความรับผิดชอบต่อสังคม

ไม่ว่าจะเป็นการกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยงานศิลปะอย่าง Project Geländewagen, การช่วงชิงตำแหน่งในตลาด รถ SUV พรีเมียม ด้วย GLE Coupe, หรือการวางรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับ ระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้า ที่ครอบคลุมทุกมิติในประเทศไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พิสูจน์แล้วว่าวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลคือกุญแจสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน การลงทุนใน เทคโนโลยี MBUX ล่าสุด, ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง, และ การออกแบบภายในหรูหรา ที่ตอบสนองทุกความต้องการ คือสิ่งที่ทำให้รถยนต์ของพวกเขาเป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและไลฟ์สไตล์

ยิ่งไปกว่านั้น การขยายเครือข่าย ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ครบวงจร, การพัฒนาบุคลากรด้านเทคนิค, และการใส่ใจในบริการหลังการขาย รวมถึงการส่งเสริม ความยั่งยืนด้านยานยนต์ ผ่าน รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง และ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของลูกค้าและอนาคตของโลก

ในปี 2025 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำที่แท้จริง ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์รถยนต์ที่น่าตื่นเต้นและก้าวล้ำ แต่ยังสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เป็นเลิศในทุกด้าน เพื่อขับเคลื่อนเราไปสู่ทศวรรษใหม่ของยานยนต์อย่างภาคภูมิ.

Previous Post

N0412044 กชายค อคนโปรดของแม วนพ สาวแค คนท องจ าย part2

Next Post

N0412047 กค าหน าด าน อาหารป นส ให นก ญแล งจะมาพ ดจาทำต วแบบน part2

Next Post
N0412047 กค าหน าด าน อาหารป นส ให นก ญแล งจะมาพ ดจาทำต วแบบน part2

N0412047 กค าหน าด าน อาหารป นส ให นก ญแล งจะมาพ ดจาทำต วแบบน part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1412031 สงครามแม เล ยงก บล กเล ยง ใครจะอย ใครจะไป!!! part2
  • N1412037 งคนท เคยลำบากมาด วยก เพ อไปคบคนรวย part2
  • N1412032 ทำไมแม องขโมยเง นของล กต วเองด วย part2
  • N1412036 คงอยากได แฟนเพ อนจนต วส งได กล าทำเร องแบบน part2
  • N1412035 าม แฟนน ยแย แบบน แนะนำอย คนเด ยวเถอะ!! part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.