• Sample Page
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result

N0512013 กต ดมาขอเง นก บแม าน แฟนใหม ของแม นมาเจอล กต ดก อน part2

admin79 by admin79
November 29, 2025
in Uncategorized
0
N0512013 กต ดมาขอเง นก บแม าน แฟนใหม ของแม นมาเจอล กต ดก อน part2

ในโลกของยานยนต์ที่หมุนไปอย่างไม่หยุดยั้ง การยืนหยัดในฐานะผู้นำไม่ใช่เพียงการผลิตรถยนต์ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังต้องเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง และกำหนดนิยามใหม่ของความหรูหราอย่างต่อเนื่อง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” (Mercedes-Benz) แบรนด์ดาวสามแฉกจากเยอรมนี ได้พิสูจน์ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่านี่คือปรัชญาที่พวกเขายึดมั่น ในปี 2025 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงตอกย้ำสถานะของแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตรถยนต์ แต่เป็นผู้นำทางสู่ยุคใหม่ของยานยนต์อย่างแท้จริง ทั้งในด้านสมรรถนะ การออกแบบที่ไร้กาลเวลา ไปจนถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน และความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ

จากความสำเร็จอันยาวนานในการครองบัลลังก์ตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยติดต่อกันหลายปี เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับศิลปินระดับโลกเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนยานยนต์ การขับเคลื่อนตลาดด้วยรถยนต์ SUV คูเป้ที่ผสานความสปอร์ตและความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว หรือการบุกเบิกเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid) และยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery Electric Vehicles – BEV) ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญที่นำพาแบรนด์มาสู่จุดแข็งแกร่งในปัจจุบัน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมจะพาทุกท่านไปสำรวจเบื้องหลังความสำเร็จและทิศทางที่น่าจับตาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปี 2025 นี้

บทบาทของศิลปะในยานยนต์: ย้อนรอย Project Geländewagen กับ G-Class x Off-White

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ในปี 2020 โลกได้ประจักษ์ถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างศิลปะและวิศวกรรมยานยนต์ เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Virgil Abloh อดีต CEO ของ Off-White และ Artistic Director ของ Louis Vuitton ในโปรเจกต์ “Project Geländewagen” ที่นำเอา “G-Class” (จี-คลาส) ยนตรกรรมออฟโรดในตำนาน มาตีความใหม่ในรูปแบบรถแข่งสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ผลงานชิ้นนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพียงรถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อประมูลโดย Sotheby’s เพื่อสนับสนุนชุมชนสร้างสรรค์ระดับโลก

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Virgil Abloh และ Gordon Wagener หัวหน้าฝ่ายออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ G-Class ที่เราคุ้นเคยในฐานะรถลุย 4×4 ได้ถูกแปลงโฉมให้กลายเป็น Race Car อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยตัวถังที่กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และถูกปรับให้เตี้ยลงมาก พร้อมล้อแม็กและยางที่มีขนาดเกินจริง สร้างความฉูดฉาดและแตกต่างจากสัดส่วนของรถทั่วไป พวงมาลัยถูกยกมาจากรถแข่ง Formula 1 อย่าง Project 1 ในขณะที่เบาะนั่งถูกนำมาจากรถแข่ง DTM Car ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทั้งหมดภายในรถถูกเน้นด้วยสีแดง ไม่ว่าจะเป็นเข็มขัดนิรภัยหรือมือจับประตู เพื่อตอกย้ำความเป็นรถแข่งอย่างแท้จริง

โปรเจกต์ Geländewagen ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างรถยนต์ต้นแบบ แต่มันคือการประกาศจุดยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ถึงความกล้าที่จะฉีกกรอบ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และเห็นคุณค่าของศิลปะในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มันแสดงให้เห็นว่ายานยนต์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการเดินทาง แต่สามารถเป็นผืนผ้าใบให้กับการแสดงออกทางศิลปะ เป็นสัญลักษณ์ของสถานะ และเป็นแรงบันดาลใจได้เช่นกัน นับเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ยังคงถูกกล่าวถึงและเป็นกรณีศึกษาในวงการออกแบบยานยนต์และแฟชั่นมาจนถึงปี 2025 นี้ และสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการนำเสนอ “รถหรู” ที่ไม่หยุดอยู่แค่ฟังก์ชันการใช้งาน แต่ขยายขอบเขตสู่ประสบการณ์และคุณค่าทางศิลปะ

การแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด SUV คูเป้พรีเมียม: บทเรียนจาก GLE Coupe

ตลาดรถยนต์ SUV คูเป้พรีเมียมเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิสำคัญที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำ หากย้อนกลับไปช่วงปี 2020 การเปิดตัว All-new Mercedes-Benz GLE Coupe 2020 ถือเป็นการประกาศศักดาครั้งสำคัญในการท้าชนกับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง BMW X6 ซึ่งได้เบิกทางและสร้างปรากฏการณ์ในตลาดนี้ไปก่อนหน้านั้น

เมอร์เซเดส-เบนซ์เรียนรู้จากความสำเร็จของ BMW X6 (E71) เจเนอเรชั่นแรก และพัฒนา GLE Coupe ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย GLE Coupe โฉมใหม่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยการนำเสนอดีไซน์ที่สปอร์ตกว่า GLE ปกติอย่างชัดเจน ด้วยแนวหลังคาที่ลาดเอียงจรดท้ายรถ ผสานมุมมองด้านหน้าที่แทบไม่แตกต่างจาก GLE ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมสูง การออกแบบไฟท้ายที่แตกต่างจากรุ่นเดิมเล็กน้อย ได้สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและบ่งบอกถึงความเป็นรถคูเป้มากยิ่งขึ้น ตามที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เคลมไว้ว่าหรูหราและมีความเป็นรถคูเป้ที่แท้จริง

ภายในห้องโดยสารของ All-new GLE Coupe 2020 ได้รับการออกแบบใหม่หมดจด โดยยังคงดีไซน์ที่หรูหราและล้ำสมัยเช่นเดียวกับ Mercedes-Benz GLE 2020 แต่แตกต่างจากแนวคิดของคู่แข่งที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมไว้ การออกแบบห้องโดยสารของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในยุคใหม่พยายามสร้างบรรยากาศที่หลุดพ้นจากความเป็น “รถยนต์” ทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ใน “ห้องบัญชาการ” ที่โปร่งโล่ง (แม้จะมีพื้นที่แคบกว่า GLE ปกติเล็กน้อยจากแนวหลังคาที่ลาดและฐานล้อที่สั้นลง 60 มม.)

หัวใจสำคัญอยู่ที่แผงมาตรวัดสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ประกอบด้วยจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว สองจอต่อเนื่องกัน พร้อมคอนโซลกลางที่หวือหวาด้วยเส้นไฟ Ambient Light กว่าครึ่งร้อยเฉดสี และระบบผู้ช่วย MBUX เวอร์ชั่นล่าสุดที่ชาญฉลาด สามารถเข้าใจสำนวนการพูดคุยปกติได้ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนวิธีการปฏิสัมพันธ์กับรถยนต์ไปอย่างสิ้นเชิง การตกแต่งภายในด้วยหนังสังเคราะห์ ARTICO และพวงมาลัยหนัง Nappa เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ตอกย้ำถึงความใส่ใจในรายละเอียดและคุณภาพวัสดุ

ด้านขุมพลังสำหรับตลาดยุโรปในปี 2020 นั้น ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 2 รุ่น ได้แก่ GLE Coupe 350 d 4MATIC กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร และ GLE Coupe 400 d 4MATIC กำลังสูงสุด 330 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ทั้งสองรุ่นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4MATIC) ที่สามารถกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและหลังได้ 0-100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น การมีฐานล้อที่สั้นกว่า GLE ปกติยังช่วยให้ GLE Coupe มีความว่องไวและคล่องตัวในการบังคับควบคุมมากยิ่งขึ้น

แม้ระบบกันสะเทือนสปริงลม AIRMATIC และ E-ACTIVE BODY CONTROL รวมถึงระบบความปลอดภัยไฮเทคอย่าง Active Distance Assist DISTRONIC, Active Stop-and-Go Assist และ Active Steering Assist จะเป็นอุปกรณ์เสริม แต่การนำเสนอเทคโนโลยีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และเหนือระดับ ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานและถูกพัฒนาต่อยอดในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นใหม่ๆ มาจนถึงปัจจุบัน และเป็นบทพิสูจน์ว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมที่จะแข่งขันและเป็นผู้นำในทุกเซ็กเมนต์ที่เข้ามามีบทบาทในตลาด “รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์” ในปี 2025 ได้อย่างสง่างาม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย: ผู้นำที่ยั่งยืนและการสร้างระบบนิเวศยานยนต์แห่งอนาคต

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ แต่เป็นผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์หรูในประเทศไทยมายาวนาน ด้วยสถิติการครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถหรูต่อเนื่องกว่า 18 ปี ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากการผลิตรถยนต์คุณภาพสูงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการวางกลยุทธ์ที่เฉียบคมและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ซึ่งยังคงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมาจนถึงปี 2025

หากย้อนไปถึงแผนการดำเนินงานในปี 2019 ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยได้ประกาศว่าจะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่กว่า 20 รุ่น ครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ พร้อมปูพรมกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์หลักอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG), เมอร์เซเดส-มายบัค (Mercedes-Maybach) และแบรนด์เทคโนโลยี “EQ” (อีคิว) ซึ่งเน้นด้านยานยนต์ไฟฟ้า แผนการเหล่านี้นับเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงรักษาความเป็นผู้นำมาจนถึงปัจจุบัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมุ่งเน้นสร้างระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การแนะนำรถยนต์ใหม่ การให้บริการหลังการขาย การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และการลงทุนในสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นความจริงที่จับต้องได้ในปี 2025 ทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ที่มองเห็นศักยภาพของตลาด “ยานยนต์ไฟฟ้า” ในประเทศไทย และได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังมาตั้งแต่หลายปีก่อน

นอกจากนี้ การขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งเคยมีแผนจะเพิ่มเป็น 36 แห่งภายในสิ้นปี 2019 ก็ได้สำเร็จลุล่วงและกลายเป็นจุดแข็งที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง พร้อมกับการเปิด “คลังอะไหล่แห่งใหม่” บนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ที่ใช้เทคโนโลยีการจัดการที่ทันสมัย เพื่อให้มีอะไหล่เพียงพอต่อความต้องการและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายอะไหล่ให้กับผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษามาตรฐานการบริการหลังการขายระดับพรีเมียม

ด้านแบรนด์สมรรถนะสูงอย่าง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยอัตราการเติบโตที่น่าประทับใจ การเปิดตัวรถยนต์ตระกูล 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยี EQ Boost ในอดีต แสดงให้เห็นถึงการผสานสมรรถนะเข้ากับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience” และการเปิด “AMG Brand Center” แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่ทันสมัยและครบวงจรที่สุด 1 ใน 11 แห่งทั่วโลก ก็ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับกลุ่มลูกค้าผู้หลงใหลในความแรง

ในด้านบริการลูกค้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังคงสานต่อกลยุทธ์ “Best Customer Experience” และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ภายใต้แพลตฟอร์ม “She’s Mercedes” เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ากลุ่มต่างๆ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพช่างเทคนิคผ่านโครงการเยอรมัน-ไทย เพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคี (GTDEE) ซึ่งได้ผลิตบุคลากรคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานและศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วประเทศ โครงการเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่กับการขายรถยนต์ แต่ยังลงทุนในคนและการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ยนตรกรรมแห่งอนาคต: Flagship SUV, AMG Performance และ EQ Power ในปี 2025

เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงนำเสนอ “นวัตกรรมยานยนต์” อย่างต่อเนื่องผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอในทุกเซกเมนต์ หากเราย้อนดูการเปิดตัวครั้งสำคัญเมื่อปลายปี 2019 ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งมีการเปิดตัว 5 ยนตรกรรมไฮไลท์ ได้แก่ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium, Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ, Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ และ Mercedes-Benz E 300 e ซึ่งเป็น “รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด” ภายใต้แบรนด์ EQ ยนตรกรรมเหล่านี้ได้วางรากฐานสำคัญให้กับแนวทางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปัจจุบัน

Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium: ยนตรกรรมอเนกประสงค์พรีเมียม (Large Full-Size SUV) แบบ 7 ที่นั่งรุ่นนี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “S-Class แห่งรถ SUV” ด้วยความหรูหรา สง่างาม ผสานความปลอดภัยสูงสุดและความสะดวกสบาย ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้า MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam ที่ปรับความเข้มและลำแสงได้อย่างอิสระ ห้องโดยสารรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 ท่าน พร้อมพื้นที่กว้างขวางขึ้นจากระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 มม. เบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 สามารถปรับพับได้ด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความจุสัมภาระสูงสุดถึง 2,400 ลิตร ระบบมัลติมีเดีย MBUX พร้อม Digital widescreen cockpit 2 จอ, ระบบสั่งงานด้วยเสียง “Hey Mercedes”, Head-up display และระบบ Mercedes me connect ได้กลายเป็นมาตรฐานที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น และ GLS ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับ SUV ขนาดใหญ่ที่เน้นความหรูหราสูงสุดในตลาด “รถหรู” ในปี 2025

Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างคุณสมบัติอัจฉริยะและสุนทรียะทางการออกแบบ ด้วยปรัชญา Sensual Purity ที่เน้นความสวยงามเหนือกาลเวลาและเทคโนโลยีงานออกแบบชั้นเลิศ GLE 300 d มาพร้อมฐานล้อยาว 2,995 มม. เพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสาร ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโครเมียมและหนัง ARTICO พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Nappa ระบบ MBUX พร้อมจอ Digital widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอ, Head-up display และระบบเสียง Burmester® นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยยังได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น Active Distance Assist DISTRONIC, Blind Spot Assist, Active Lane Keeping Assist และ Active Brake Assist ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ GLE เป็นหนึ่งใน “SUV พรีเมียม” ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงมาจนถึงปี 2025

Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé และ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ โฉมใหม่: สำหรับผู้ที่หลงใหลใน “สมรรถนะสูง” และความเร็ว เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีได้นำเสนอ SUV คูเป้ที่ตอบโจทย์อย่างสมบูรณ์แบบ GLC 63 S 4MATIC+ Coupé มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4 ลิตร ทวินเทอร์โบแบบ Hot inside V พร้อมชุดแต่ง AMG bodystyling รอบคัน และภายในที่โฉบเฉี่ยวด้วยเบาะ AMG Performance seats หุ้มหนัง AMG nappa leather พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel และแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผลสไตล์ AMG ระบบกันสะเทือน AMG RIDE CONTROL+ และระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีโหมด “RACE” ตอกย้ำความเป็นรถแข่งบนท้องถนน ในขณะที่ GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ Biturbo พร้อมระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC ที่มอบความเร้าใจในทุกการขับขี่ ยนตรกรรมเหล่านี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของขีดสุดแห่งสมรรถนะและความหรูหราที่ AMG นำเสนอในกลุ่ม SUV คูเป้ในปัจจุบัน

Mercedes-Benz E 300 e รุ่นประกอบในประเทศ: นับเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ “ยานยนต์ไฟฟ้า” ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ E 300 e เป็นยนตรกรรมซาลูนอัจฉริยะที่มาพร้อมสมรรถนะจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดผสานพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 110% ทำให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดได้อย่างยอดเยี่ยม ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ช่วยให้การขับเคลื่อนนุ่มนวลและประหยัดยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,991 ซีซี ให้กำลัง 211 แรงม้า และเมื่อผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า จะได้ System Output สูงสุดถึง 320 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาล 700 นิวตันเมตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยเพียง 46 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น E 300 e ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ EQ ที่ปูทางสู่การเป็นผู้นำด้าน “รถยนต์ไฟฟ้า” และ “รถปลั๊กอินไฮบริด” ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาจนถึงปี 2025 และในอนาคต

สรุป: เมอร์เซเดส-เบนซ์ สู่ทศวรรษใหม่แห่งยานยนต์

ในปี 2025 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยืนหยัดในฐานะ “แบรนด์ระดับโลก” ที่เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา นวัตกรรม และสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบเคียง จากการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนยานยนต์อย่าง Project Geländewagen ไปจนถึงการบุกเบิกตลาด SUV คูเป้ด้วย GLE Coupe และการเป็นผู้นำในการสร้างระบบนิเวศสำหรับ “ยานยนต์ไฟฟ้า” ในประเทศไทย

เมอร์เซเดส-เบนซ์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิตรถยนต์ แต่กำลังสร้างสรรค์อนาคตแห่งการเดินทาง มุ่งเน้นไปที่ “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” “การออกแบบหรูหรา” และ “ความยั่งยืน” เพื่อมอบ “ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ” ให้กับลูกค้าในทุกมิติ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของตลาด ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่มองหาที่สุดแห่งยนตรกรรมในปี 2025 และอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

Previous Post

N0512025 าว นไหนไม กแล ขออย าทำร ายเขา เด ยวฉ นเอาไปด แลเอง part2

Next Post

N0512014_กท พรากจากแม ไป20กว าป นน งเอ ญมาเจอก ในอด ตเก ดอะไรข นก นแน_part2

Next Post
N0512014_กท พรากจากแม ไป20กว าป นน งเอ ญมาเจอก ในอด ตเก ดอะไรข นก นแน_part2

N0512014_กท พรากจากแม ไป20กว าป นน งเอ ญมาเจอก ในอด ตเก ดอะไรข นก นแน_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1412031 สงครามแม เล ยงก บล กเล ยง ใครจะอย ใครจะไป!!! part2
  • N1412037 งคนท เคยลำบากมาด วยก เพ อไปคบคนรวย part2
  • N1412032 ทำไมแม องขโมยเง นของล กต วเองด วย part2
  • N1412036 คงอยากได แฟนเพ อนจนต วส งได กล าทำเร องแบบน part2
  • N1412035 าม แฟนน ยแย แบบน แนะนำอย คนเด ยวเถอะ!! part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.