ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ที่คร่ำหวอดมากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมรถยนต์มาโดยตลอด และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า Mercedes-Benz ยังคงเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและผู้กำหนดทิศทางสำคัญของโลกยนตรกรรมหรูอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 นี้ ภาพรวมของแบรนด์ดาวสามแฉกไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของความหรูหราอีกต่อไป แต่ยังสะท้อนถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างมรดกอันยาวนาน นวัตกรรมล้ำสมัย และความมุ่งมั่นเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปได้นำพาความต้องการใหม่ๆ มาสู่ตลาดรถยนต์ และ Mercedes-Benz ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้า ตระกูล EQ อย่างเต็มรูปแบบ การพัฒนา ระบบขับขี่อัจฉริยะ และ เทคโนโลยียานยนต์ ที่ไร้รอยต่อ ไปจนถึงการยกระดับ ประสบการณ์ขับขี่ ให้เหนือระดับยิ่งกว่าเคย บทความนี้จะเจาะลึกถึงกลยุทธ์ ทิศทาง และโมเดลสำคัญที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ Mercedes-Benz ในปี 2025
จากความร่วมมือสุดสร้างสรรค์สู่แรงบันดาลใจแห่งดีไซน์
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 โลกยานยนต์ได้จับตามองโปรเจกต์พิเศษที่น่าตื่นเต้นอย่าง “Project Geländewagen” ที่ Virgil Abloh ผู้ล่วงลับ ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ Off-White และ Artistic Director ของ Louis Vuitton ได้ร่วมมือกับ Gordon Wagener หัวหน้าฝ่าย Design ของ Mercedes-Benz เพื่อสร้างสรรค์ G-Class ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน รถคันนี้ไม่เพียงแค่เป็น รถยนต์พรีเมียม ที่โดดเด่น แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่ถูกประมูลโดย Sotheby’s เพื่อสนับสนุนชุมชนสร้างสรรค์ระดับโลก
โปรเจกต์นี้เป็นการตอกย้ำว่า Mercedes-Benz ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่กรอบของยานพาหนะ แต่ยังเปิดกว้างสำหรับการผสมผสานศิลปะและนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกัน G-Class ที่เดิมเป็น รถ SUV 4×4 ที่แข็งแกร่ง ได้รับการปรับโฉมให้กลายเป็น “Race Car” ด้วยรูปลักษณ์ที่กว้างขึ้น เตี้ยลง ล้อและยางขนาดใหญ่เกินจริง พวงมาลัยจากรถ Formula 1 และเบาะที่นั่งจาก DTM Car แสดงให้เห็นถึงการก้าวข้ามขีดจำกัดด้านดีไซน์และสมรรถนะ ซึ่งแม้จะเป็นโปรเจกต์ที่ผ่านมาแล้ว แต่จิตวิญญาณแห่งการ “ก้าวข้าม” และ “สร้างสรรค์” นี้เองที่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนา รถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นใหม่ๆ มาจนถึงปี 2025
ปัจจุบัน Mercedes-Benz ยังคงสานต่อปรัชญาการออกแบบที่โดดเด่นนี้ โดยเฉพาะในรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรุ่นพิเศษต่างๆ ที่ยังคงได้รับความสนใจจากนักสะสมและผู้ที่หลงใหลในความพิเศษ การลงทุนในการออกแบบที่กล้าหาญเช่นนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ รถหรู และยืนยันว่านวัตกรรมไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงเทคโนโลยีภายใน แต่ยังรวมถึงสุนทรียภาพทางสายตาด้วย
การแข่งขันในเซกเมนต์ SUV Coupe: GLE Coupe ในปี 2025
ตลาด รถ SUV ทรงคูเป้ยังคงเป็นสมรภูมิที่ดุเดือด โดยเฉพาะระหว่าง Mercedes-Benz และ BMW หลังจากที่ BMW X6 จุดกระแสขึ้นมาตั้งแต่แรกเริ่ม Mercedes-Benz GLE Coupe ก็ได้เข้าสู่สนามแข่งขันอย่างเต็มตัว และในปี 2025 นี้ การแข่งขันยังคงเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
Mercedes-Benz GLE Coupe เจเนอเรชันปัจจุบัน (ที่พัฒนาต่อยอดมาจากโมเดลปี 2020) ได้รับการออกแบบให้มีความสปอร์ตและหรูหรายิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายหลังคาที่ลาดเอียงจรดท้ายรถ ผสมผสานความบึกบึนของ รถ SUV เข้ากับความปราดเปรียวของรถคูเป้ได้อย่างลงตัว การปรับปรุงดีไซน์ด้านท้ายและไฟท้ายให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น ยิ่งตอกย้ำจุดยืนของ GLE Coupe ในฐานะ รถหรู ที่เน้นความมีสไตล์
ภายในห้องโดยสารของ GLE Coupe ในปี 2025 ถือเป็นอีกจุดเด่นที่สำคัญ ด้วยแนวคิดการออกแบบที่พยายามสร้างบรรยากาศให้ “ห่างไกลจากความเป็นรถยนต์” มากที่สุด ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ใน “ห้องบัญชาการ” ที่ล้ำสมัยและโปร่งโล่ง ระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เวอร์ชั่นล่าสุดได้ถูกพัฒนาไปอีกขั้น ไม่เพียงแค่ตอบสนองด้วยเสียงที่เป็นธรรมชาติ แต่ยังสามารถเรียนรู้และปรับตัวตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด จอแสดงผลแบบดิจิทัล Widescreen Cockpit ขนาดใหญ่พิเศษสองจอต่อเนื่องกัน ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่มอบข้อมูลการขับขี่และความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
วัสดุตกแต่งภายในก็ได้รับการยกระดับให้เหนือชั้น ไม่ว่าจะเป็นหนัง ARTICO, หนัง Nappa หรือแม้แต่ตัวเลือกหนังแท้ Merino ในระดับพรีเมียม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ยังคงเป็นมาตรฐานที่มอบความรู้สึกหรูหราและควบคุมง่าย ไฟ Ambient Light ที่เลือกเฉดสีได้หลากหลาย ยิ่งเสริมสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้ปรับเปลี่ยนได้ตามอารมณ์และรสนิยม
ด้านขุมพลัง ในปี 2025 Mercedes-Benz GLE Coupe ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของเครื่องยนต์สันดาปเพียงอย่างเดียว โดยยังคงมีเครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูงเป็นตัวเลือก แต่ก็ได้เพิ่มทางเลือกของ Plug-in Hybrid (PHEV) และ รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เข้ามาอย่างชัดเจน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหา ยานยนต์พลังงานสะอาด และประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด รุ่น PHEV ในปัจจุบันมีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่ไกลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่รุ่น BEV ก็มอบ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เงียบสงบและปราศจากมลพิษ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ยังคงเป็นมาตรฐานที่มอบเสถียรภาพและการยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยม สามารถถ่ายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและหลังได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อลดอาการหน้าดื้อโค้งหรือท้ายปัด นอกจากนี้ ระบบช่วงล่าง AIRMATIC และ E-ACTIVE BODY CONTROL (ซึ่งยังคงเป็นออปชันเสริม) ได้รับการพัฒนาให้ทำงานร่วมกับ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และข้อมูลจากแผนที่ เพื่อปรับการทำงานของโช้คอัพและสปริงของล้อทั้ง 4 ให้เหมาะสมกับสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่แบบเรียลไทม์ ทำให้รถทรงตัวได้อย่างมั่นคง ลดอาการโคลงและมอบความนุ่มนวลสูงสุด
Mercedes-Benz (ประเทศไทย) ในปี 2025: ผู้นำที่มุ่งสู่อนาคต
จากสถิติที่น่าประทับใจในปี 2018 ที่ Mercedes-Benz (ประเทศไทย) สร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 15,785 คัน และครองตำแหน่งผู้นำ ตลาดรถหรู เมืองไทยต่อเนื่องมา 18 ปี ในปี 2025 นี้ Mercedes-Benz (ประเทศไทย) ยังคงรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการนำเสนอ นวัตกรรมยานยนต์ และโซลูชันการเดินทางที่ยั่งยืน
กลยุทธ์สำคัญในปี 2025 คือการขยายพอร์ตโฟลิโอ รถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ EQ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การแนะนำโมเดลใหม่ๆ แต่ยังรวมถึงการสร้าง “ระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้า” ที่สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ (จากเดิมกว่า 200 แห่งในอดีต) การพัฒนา บริการหลังการขาย สำหรับรถ EV โดยเฉพาะ และการลงทุนในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
แบรนด์ย่อยอย่าง Mercedes-AMG และ Mercedes-Maybach ยังคงเป็นเสาหลักสำคัญที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหา สมรรถนะสูง และความหรูหราขั้นสุด ในปี 2025 เราได้เห็นการนำเสนอ รถยนต์ Mercedes-AMG ในซีรีส์ “53” และ “63” ที่ผสานเทคโนโลยี EQ Boost เข้ามาอย่างลงตัว เพื่อเพิ่มทั้งพลังงานและความประหยัด พร้อมเตรียมเปิด “AMG Brand Center” ที่ทันสมัยและครบวงจรที่สุด เพื่อมอบ ประสบการณ์ขับขี่ และบริการที่เหนือชั้นให้กับลูกค้าสาย สมรรถนะสูง
ด้าน บริการหลังการขาย และเครือข่ายผู้จำหน่าย Mercedes-Benz (ประเทศไทย) ได้ยกระดับการให้บริการไปอีกขั้น โดยในปี 2025 ศูนย์คลังอะไหล่แห่งใหม่บนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ได้เปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบการจัดการที่ทันสมัยและเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์และจัดเก็บอะไหล่ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้การกระจายอะไหล่เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง บริการหลังการขาย และคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้อย่างสะดวกสบาย
พอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ในปี 2025: นวัตกรรมสำหรับทุกความต้องการ
ในปี 2025 นี้ Mercedes-Benz ได้นำเสนอ รถยนต์ Mercedes-Benz ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่ รถ SUV อเนกประสงค์ไปจนถึง รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และ รถยนต์ไฟฟ้า ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี
เรามาดูตัวอย่างของยนตรกรรมเด่นๆ ในแต่ละกลุ่มที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในปัจจุบัน (อ้างอิงและพัฒนาจากโมเดลที่เปิดตัวในปี 2019 และวิวัฒนาการมาสู่ปี 2025):
Mercedes-Benz GLS: ยนตรกรรมอเนกประสงค์พรีเมียม 7 ที่นั่งแห่งอนาคต
Mercedes-Benz GLS ในปี 2025 ยังคงเป็นนิยามของ Large Full-Size SUV แบบ 7 ที่นั่ง ที่มอบความหรูหรา สง่างาม และความสะดวกสบายเทียบเท่ากับ S-Class ด้วยมิติภายในที่กว้างขวาง ระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ผู้โดยสารทั้ง 7 ท่านได้รับความสะดวกสบายสูงสุด โดยเฉพาะแถวที่ 2 ที่สามารถปรับเลื่อนและเอนได้ด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ EASY-ENTRY ที่ช่วยให้การเข้า-ออกที่นั่งแถวที่ 3 เป็นเรื่องง่ายด
ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED เจเนอเรชันใหม่ พร้อมระบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ทำงานร่วมกับ AI เพื่อปรับความเข้มและความยาวของลำแสงได้อย่างอิสระและแม่นยำ ตอบรับทุกสภาพการขับขี่ ดีไซน์ภายใน ยังคงเป็นจุดเด่นด้วยห้องโดยสารที่ประดับประดาด้วยวัสดุชั้นเลิศ ระบบไฟสร้างบรรยากาศที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ THERMOTRONIC ที่มอบความเย็นสบายอย่างทั่วถึง
ระบบมัลติมีเดีย MBUX ใน GLS 2025 ได้รับการอัปเกรดให้สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่เพียงแค่การสั่งงานด้วยเสียง “Hey Mercedes” ที่ฉลาดล้ำ แต่ยังรวมถึง ระบบแผนที่นำทาง ที่แม่นยำแบบ Live Traffic Information และฟังก์ชัน Mercedes me connect ที่เชื่อมโยงผู้ขับขี่กับรถยนต์และศูนย์บริการได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน Mercedes-Benz emergency call system และการวินิจฉัยสภาพรถยนต์ Tele diagnostics
Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic: SUV สุดหรูที่ประกอบในประเทศ
Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ยังคงเป็นหนึ่งในรุ่นยอดนิยมในปี 2025 ที่ผสานความหรูหราและความแข็งแกร่งของ รถ SUV เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่เน้นความงดงามเหนือกาลเวลา
ดีไซน์ภายนอก มาพร้อมชุดแต่ง AMG Bodystyling รอบคัน กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยม ไฟหน้า MULTIBEAM LED และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 21 นิ้ว ที่บ่งบอกถึงความดุดันและพละกำลัง ดีไซน์ภายใน กว้างขวางด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโครเมียมและหนัง ARTICO พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง Nappa พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าและหน่วยความจำ แถวที่สองสามารถปรับพับได้ด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้สูงถึง 2,055 ลิตร
ระบบความปลอดภัย ของ GLE ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นในปี 2025 ด้วย ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่ครอบคลุม เช่น Active Distance Assist DISTRONIC, Blind Spot Assist, Active Lane Keeping Assist และ Active Brake Assist ที่ทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบมัลติมีเดีย MBUX พร้อมจอ Digital widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วสองจอ และระบบเสียง Burmester® ยังคงเป็นมาตรฐานที่มอบความบันเทิงและข้อมูลการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ
Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé: สปอร์ต SUV Coupé แห่งสมรรถนะ
สำหรับผู้ที่ต้องการ สมรรถนะสูง และ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เร้าใจ Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในกลุ่ม SUV Coupé ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้พละกำลังมหาศาล และ ระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G Sport Transmission ที่ตอบสนองฉับไว
ดีไซน์ภายนอก ดุดันด้วยชุดแต่ง AMG Bodystyling กระจังหน้า AMG-specific radiator grille และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED ที่ทำงานรวดเร็วและแม่นยำ ภายในห้องโดยสาร เน้นความสปอร์ตด้วยเบาะ AMG Performance seats หุ้มหนัง AMG nappa leather พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel ทรงท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุม AMG steering wheel button ที่ช่วยให้การสั่งงานง่ายขึ้น แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผลแบบ AMG (Classic, Sport, Super sports) ยิ่งเพิ่มความเร้าใจ
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย ของ GLC 63 S ประกอบด้วย ระบบกันสะเทือนแบบ air suspension ที่ทำงานร่วมกับ AMG RIDE CONTROL+ ซึ่งควบคุมผ่าน ระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 แบบ รวมถึงโหมด “RACE” เพื่อ ประสบการณ์ขับขี่ ในสนามแข่งที่แท้จริง ระบบ AMG rear axle differential lock และระบบความปลอดภัย PRE-SAFE® ยังคงเป็นมาตรฐานที่มอบความมั่นใจสูงสุด
Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé: สมรรถนะที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ รถ SUV Coupé ที่มี สมรรถนะสูง แต่ยังคงความคล่องตัวและหรูหราสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC และเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่แบบ Biturbo ที่ให้พละกำลังที่น่าประทับใจ
ดีไซน์ภายนอก ยังคงความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG Bodystyling กระจังหน้า AMG-specific radiator grill ไฟหน้า MULTIBEAM LED และล้ออัลลอย AMG ขนาด 20 นิ้ว ภายใน โดดเด่นด้วยเบาะ AMG Sport seat หุ้มหนังตัดสลับ DINAMICA microfibre ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa พร้อม ระบบมัลติมีเดีย MBUX และจอเรือนไมล์ All Digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว
เทคโนโลยีและความปลอดภัย มาพร้อมกับ ระบบปรับรูปแบบขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT และ ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ระยะไกล
Mercedes-Benz E 300 e: ยนตรกรรมซาลูนอัจฉริยะแบบ Plug-in Hybrid
Mercedes-Benz E 300 e ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ในกลุ่ม รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ในปี 2025 โดยได้รับการพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ให้มีขนาดความจุที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงได้แทบทั้งสัปดาห์
ดีไซน์ภายนอก ยังคงความสง่างามตามแบบฉบับ E-Class ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity พร้อมกระจังหน้าที่แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย (Avantgarde, Exclusive, AMG Dynamic) และเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED ที่ทันสมัย ดีไซน์ภายใน มอบความหรูหราและสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO หรือ Nappa พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัส และ Digital widescreen cockpit ที่ผสานจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้วเข้าด้วยกัน
ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ E 300 e ประกอบด้วย ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® และ ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot) นอกจากนี้ บริการ Mercedes me connect ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อกับรถยนต์และผู้จำหน่าย
สรุป: Mercedes-Benz ในปี 2025 – มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ
ในภาพรวมของปี 2025 Mercedes-Benz ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำ ตลาดรถหรู และ นวัตกรรมยานยนต์ อย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่างดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยียานยนต์ ล้ำสมัย ความมุ่งมั่นในการพัฒนา ยานยนต์พลังงานสะอาด ทั้ง รถยนต์ไฟฟ้า และ ปลั๊กอินไฮบริด รวมถึงการยกระดับ บริการหลังการขาย และ ประสบการณ์ขับขี่ ให้เหนือระดับ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ดาวสามแฉกยังคงครองใจผู้บริโภคทั่วโลก
จากโปรเจกต์สร้างสรรค์ในอดีต สู่การแข่งขันที่ดุเดือดในปัจจุบัน และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต Mercedes-Benz ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาไม่เคยหยุดนิ่งในการ “ขับเคลื่อน” โลกแห่งยนตรกรรมหรูไปข้างหน้า และในอีกหลายปีข้างหน้า เราจะได้เห็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นจากแบรนด์นี้อย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน
