• Sample Page
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result
No Result
View All Result
filmth.moicaucachep.com
No Result
View All Result

N0310046_ทำไมเธอถ งโยนช ดช นในใส รถคนอ นด วย พอร เหต ผลถ งก บอ_part2

admin79 by admin79
September 30, 2025
in Uncategorized
0
N0310046_ทำไมเธอถ งโยนช ดช นในใส รถคนอ นด วย พอร เหต ผลถ งก บอ_part2

สภาพตลาดรถยนต์เมืองไทยในปี 2009 ที่ผ่านมา แม้จะไม่เงียบเหงาหนักหนาเท่ากับ
วิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 1997-1998 อย่างที่นักวิเคราะห์หลายคนออกมาคาดการณ์ไว้ เพราะ
เริ่มมีรถยนต์ขนาดเล็ก ทะยอยเปิดตัวสู่ตลาดเป็นรุ่นใหม่ครั้งแรกหลายรุ่น และราคาน้ำมัน
ในช่วงตลอดทั้งปี ไม่ได้ผันผวนไปมากนัก และเป็นไปตามสภาพวิกฤติเศรฐกิจโลก
อันเริ่มมาจาก สหรัฐอเมริกา แต่ด้วยเหตุที่มีการประโคมข่าวกันมากเกินเหตุ จนผู้คน
เกือบจะทั้งโลก พากันตื่นตระหนก และพยายามแก้ปัญหา ในเชิงตั้งรับเอาไว้ก่อนแล้ว
อีกทั้ง ปัญหาความไม่สงบของการเมืองภายในประเทศ ทำให้ผู้ผลิตแทบทุกราย ตัดสินใจ
ลดกำลังการผลิต ปลดคนงานในไลน์ผลิต ประเภท Sub-contract ชั่วคราว ออกไปเยอะ
และชะลอดูสถานการณ์ กันแทบจะทั้งวงการ ส่งผลให้ ตลาดรถยนต์ ลดความคึกคักลงไป
ไม่น้อยเลยทีเดียว

ช่วงครึ่งหลังของปี เมื่อการเมือง เริ่มมีเสถียรภาพขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ที่งัดออกมาใช้เต็มไปหมด ทำให้เศรษฐกิจของโลก ฟื้นตัว
กลับมาได้ ในช่วง ไตรมาสสุดท้าย และส่งผลให้ผู้คนซึ่งชะลอการตัดสินใจซื้อรถไปตลอดทั้งปี
พากันกลับมา ซื้อรถใหม่กันมากมาย จนยอดจองในงาน Motor Expo ถล่มทะลายไปตามๆกัน

รายที่ดูจะหนักหนาสาหัสที่สุด เห็นจะได้แก่ผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา ทั้ง GM
และ Ford ซึ่งต้องรับบทหนัก ทั้งการรอดูสถานการณ์ ความเปลี่ยนแปลงของบริษัทแม่
โดยเฉพาะ GM ที่ประกาศล้มละลายไปในช่วงกลางปี และแทบจะเรียกได้ว่า
เกือบจะ ตัดหางหน่วยงานในไทย กันเลย ขณะที่ ฟอร์ด เอง ก็ได้แต่ประคับประคอง
ให้รอดพ้นไปได้อย่างทุลักทุเล

โดยผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น รายหลักๆ ทั้ง โตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ มิตซูบิชิ ต่างพากัน
พักการจ้างพนักงานชั่วคราวในไลน์ประกอบ กันยกใหญ่ ก่อนจะเริ่มเรียกรับสมัคร
กลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง ในช่วง ครึ่งหลังของปี

ขณะที่ผู้ผลิตรายใหม่ๆ ที่ลงสู่ตลาดในปี 2009 ที่ผ่านมา มีเพียงรายเดียวคือ Chery
ซึ่งเปิดตัว ครั้งแรกในงาน Bangkok International Motor Show ที่ไบเทค เดือนมีนาคม 2009
และพยายามสร้างความคุ้นเคยในแบรนด์รถจากเมืองจีนให้คนไทยได้รู้จักกัน

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา ยังเป็นปีที่ หลายๆค่าย ซึ่งซุ่มอยู่เงียบๆ พยายามเดินหน้าเปิดตลาดกัน
อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Volkswagen ภายใต้การดูแลของ ไทยยานยนต์ (หนึ่งในส่วนที่แตกออกมาจาก
ยนตรกิจเดิม) เปิดตัวรถใหม่ทีเดียว 4 รุ่นรวด ในงานเดียวกันกับ Chery และ Suzuki ที่ถือได้ว่า
เป็นการกลับมาเตรียมการวางแผนทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ เพื่อสร้างรถ ECO Car ในเมืองไทย
อีกทั้งยังเป็นปีที่ Nissan กับ Tata ประกาศความพร้อมในการเตรียมผลิตรถยนต์ ECO Car
ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้ ล้วนถือเป็นบททดสอบในการปรับตัว ต่อสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนไป
ของทุกค่ายรถยนต์ กันโดยถ้วนหน้า

ในปี 2010 นั้น สิ่งที่ต้องจับตากันต่อไป คือ ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศ ที่จะ
เป็นปัจจัยหลัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และจะ
ส่งผลต่อการซื้อรถยนต์ ที่น่าจะอยู่ในระดับเพิ่มขึ้นจากปี 2009 ไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม ด้วยอานิสงค์ ของการเปิดตัวรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด ตลอด
ช่วงครึ่งแรกของปี ก็พอจะสร้างสีสัน และการขยายตัว ให้เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับแผนการตลาด ที่แต่ละค่าย จะเตรียมไว้อยู้ในมือ

กระนั้น ช่วงครึ่งหลังของปี ยังมีปัจจัยการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ตามสภาพเศรษฐกิจโลก
ที่คาดว่าจะฟื้นตัว อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในครึ่งหลังของปี 2010 แทบจะไม่มีรถยนต์รุ่นสำคัญๆใดๆ
เปิดตัวกันอีกเลย ถือเป็นบรรยากาศ ที่แปลกไปจากที่ควรเป็นไม่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่
แต่ละค่ายทะยอยเลื่อนโครงการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ เพื่อให้ไปเปิดตัวในช่วงปี 2011 กัน
เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถยนต์จากโครงการ ECO CAR ของทั้ง 6 ผู้ผลิตรายใหญ่และรายเล็ก

เป็นประจำทุกต้นปีที่ ผมจะมีบทความสรุปความเคลื่อนไหวของปีที่แล้ว รวมทั้งสรุปความเคลื่อนไหว
รถใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ พร้อมข้อมูลการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ล้ำไปไกลล่วงหน้าก่อนสื่อรายใด
ถึง 3 ปี ในนิตยสาร THAIDRIVER แต่นับจากนี้ บทความนี้ จะย้ายมาเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ เป็นประจำ
ทุกต้นปี และกลางปี เพื่อเป็นของกำนัล สำหรับผู้อ่าน เอาไว้ใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมวางแผนซื้อรถยนต์
ล่วงหน้า หรือสำหรับผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

และผู้เขียนได้แต่หวังว่า การย่างก้าวเข้าสู่ปีใหม่นี้ ซึ่งเป็นปีที่ แม้ว่าความวุ่นวาย ดูจะลดน้อยลงกว่าเดิม
แต่การใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท คือหนทางที่ดีที่สุด ในการอยู่ร่วมกัน ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ใจเขาใจเราให้มากขึ้น
คิดเพื่อผู้อื่นรอบตัวให้มากขึ้น คิดถึงตนเองให้น้อยลง เริ่มที่ตัวเราเพียงเท่านี้ ผู้คนรอบข้างก็จะเริ่มมี
กำลังใจมากขึ้น ทิศทางเศรษฐกิจที่จะฟื้นกลับมาดีขึ้น ก็จะส่งผลให้บรรยากาศของตลาดรถยนต์
จะกลับมาคึกคักกันได้ในท้ายที่สุด อาจฟังดูเหมือนไม่เกี่ยวสักเท่าใด แต่หากตรึกตรองดูให้ดี จะพบว่า
ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่เชื่อมต่อกันเป็นวงจรห่วงโซ่ทั้งนั้น

เอาละ เรามาดูกันดีกว่าว่า ปีนี้ แต่ละค่ายจะมีรถยนต์ใหม่รุ่นใด ที่ต้องจับตามองกันกันบ้าง?

***หมายเหตุ***
ข้อมูลทั้งหมดในรายงานชิ้นนี้ ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าถูกต้อง
ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นล่าสุด ณ วันที่นำบทความชิ้นนี้ ขึ้นเผยแพร่
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป อาจมีข้อมูลดิบและ/หรือข้อมูลที่กลั่นกรองแล้วปรากฎขึ้นอีก
ได้ตลอดเวลา ข้อมูลเหล่านั้นอาจจะคลาดเคลื่อนหรือเพิ่มเติมข้อมูลเดิมจาก
บทความชิ้นนี้ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น เนื่องจากรายงานข่าวประเภทเจาะโครงการลับ
หรือ สปายช็อตนั้น ไม่มีสื่อมวลชนเล่มใดรายใดในโลกที่สามารถรายงานได้ถูกต้อง
ตรงตามความเป็นจริง 100% ต่อให้เป็นฝรั่งมังค่าก็ตาม คุณผู้อ่านควรติดตามข่าว
“ด้วยวิจารณญาณ เหตุผลในเชิงตรรกะ หรือเกมการตลาด อย่างปราศจากอคติ”
รวมทั้งศึกษาจากข้อมูลที่ปรากฎอยู่ในสื่ออื่นๆ ประกอบกันด้วยอยู่เสมอ

——————————————

ALFA ROMEO / FIAT
Giulietta 149 E47

2-3 ปีที่ผ่านมา ค่ายงูกินเด็กแห่งเมืองมักกะโรนี ภายใต้การดูแลของกลุ่มพระนครยนตรการ
เคยดำริว่าจะสั่งนำเข้ารถรุ่นนั้นรุ่นนี้ เข้ามาทำตลาด แต่เอาเข้าจริง สุดท้าย ก็ยังไม่เห็นมี
รถยนต์รุ่นใหม่ๆ บนโชว์รูม เสียที ทั้ง 8C Competizione ไปจนถึง Mi.To คอมแพกต์
แฮตช์แบ็กสุดไฮเทค ตัวตายตัวแทนของ 147 ก็ยังเงียบสนิท จำได้ว่ารถรุ่นใหม่ 3 รุ่นสุดท้าย
ในตลาดเมืองไทยของอัลฟาโรมิโอ คือ 159  Alfa GT และ Brera

ปีนี้ ก็คงต้องรดูกันต่อไปว่า พระนครยนตรการ จะสั่งนำเข้า Giulietta 149 รหัส E47 อันเป็น
รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน ของ 147 แบบ 5 ประตู เข้ามาหรือไม่ เพราะดูเหมือนจะติดปัญหา
เดียว นั่นคือ การที่ยังไม่มีเกียร์อัตโนมัติให้เลือก ส่วน Mi.To นั้น รอดูรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
แบบคลัตช์คู่ กันอยู่ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ก็น่าจะมาได้ทันที อย่าให้ช้าเหมือน Fiat 500
ที่กว่าจะกลับมาเปิดตัวในไทย ณ งาน Motor Expo 2009 กันได้ ก็รอนาน จนเขาเลิกฮิต
ไปเสียแล้ว
——————————————

BENTLEY
Mulsanne ใหม่ จะมาเมื่อไหร่ ยังไม่รู้

หลังจากเปิดตัวรุ่น Flying Spur Speed  อันเป็นรุ่นปรับโฉมเล็กน้อย ของ
ตัวถังซีดาน มาทำตลาดด้วยราคา 25 ล้านบาท ก็น่าแปลกใจว่า เบนท์ลีย์
ไทยแลนด์ ผู้จำหน่ายรถยนต์หรู ระดับ Ultra Luxury ที่ถูกจับแยก
ออกจาก Rolls Royce มาอยู่ในร่มไม้ชายคาของ Volkswagen รายนี้
แทบไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มายั่วกิเลสฌสรษฐีเมืองไทยกันอีกเลย

โดยเฉพาะ รุ่น Brookland หรือถ้าพูดให้ถูก ก็คือ Arnage ตัวถังคูเป้
เครื่องยนต์ขนาดมหึมา 6,761 ซีซี แรงสะใจถึง 537 แรงม้า (PS) พร้อม
เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะจาก ZF  นั้นกลับไม่ปรากฎตัวในเมืองไทย
เป็นไปได้ว่า ยอดผลิตทั้ง 550 คันเท่านั้น ถูกจับจองจนเกลี้ยงไปแล้วก็เป็นได้
ส่วน  AZURE T รถเปิดประทุนรุ่นใหม่ ก็มีค่าตัวทีแพงเกินเหตุไป

ฉะนั้น หลังจากนี้ เราคงต้องรอการเปิดตัว Bentley Mulsanne ซาลูนยักษ์รุ่นใหญ่
ที่สุด เพิ่งจะเปิดผ้าคลุมกันในงาน Frankfurt Motor Show เมื่อเดือนกันยายน
ที่ผ่านมา ในฐานะตัวตายตัวแทนของรุ่น ARNAGE ที่ใช้โครงสร้างนี้มานาน
ตั้งแต่ปี 1967 คราวนี้ มูลซาน วางเครื่องยนต์ใหญ่โตมโหฬาร V8 6,750 ซีซี
พละกำลังมหาศาลถึง 505 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด อลังการถึง 1020 นิวตันเมตร
หรือ 103.93 กก.-ม. แต่ยังอุตส่าห์ทำตัวร่วมกระแสรักษ์โลกกับเขา ด้วยการเคลมว่า
ปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ลดลงจากเครื่องยนต์ V8 รุ่นเดิมถึง 15% เชื่อมด้วย
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Quick Shift ว่าจะเข้ามาเปิดตัวในบ้านเราได้เมื่อใด
แทบไม่ต้องพูดถึงป้ายราคา เพราะลำพัง แค่ รุ่นล่างสุด อย่าง Continental GT คูเป้
2 ประตู สุดประทับใจผู้เขียน ก็ปาเข้าไป 23-24 ล้านบาท เข้าให้แล้ว ดังนั้น คาดว่า
มูลซาน ใหม่ คันนี้ อาจมีราคาแตะระดับ 35 ล้านบาทขึ้นไป ได้ไม่ยาก

——————————————

BMW / MINI
New 5 Series F10
X1 ดูกันอยู่
MINI Crossover  ดูไปเถอะ เดี๋ยวก็มา

ปีที่ผ่านมา BMW กระหน่ำเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และกิจกรรมการตลาดสุดระทึกใจ
อย่างบ้าคลั่ง ราวกับอัดอั้นมานาน เริ่มตั้งแต่ ใช้ฤกษ์ วันวาเลนไทน์ ปล่อย 120d Coupe
รถเล็ก ขุมพลัง ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ที่หลายคนคิดว่า หมดหวังไปแล้ว สร้าง
กระแสกลับขึ้นมายั่วใจลูกสาวเจ้าสัวได้อย่างดี

ตามติดด้วยการเปิดตัว ซีรีส์ 7 ใหม่ รหัส F01/F02 อย่างอลังการ ในเดือนกุมภาพันธ์
ด้วยการสร้าง อาคาร Lounge ขนาดใหญ่ หน้าลานเซ็นทรัลเวิล์ด เป็นสถานที่
รับรองแขก VIP ที่ได้รับเชิญมาชมรถ เท่านั้น! และ ซีรีส์ 3 Minorchange
ช่วงงาน Bangkok Motor Show มีนาคม 2009 ที่มาครบทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
กับรุ่นขายดีอย่าง 320d SE คันละ 2.89 ล้านบาท

จากนั้น ในช่วง เดือนกันยายน ซีรีส์ 7 ใหม่ ประกอบในประเทศ ทั้ง 740 Li เครื่องยนต์
3.0 ลิตร เทอร์โบ และ 730 Ld ขุมพลัง ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ก็พร้อมปล่อยรถสู่มือ
ผู้มีอันจะกินเรียบร้อยแล้ว รวมทั้ง รุ่นย่อยพิเศษ ของ 320d และ 520d Sport Package
กับรุ่น Corporate ตัดออพชัน หั่นราคาทิ้งกราวรูด ยั่วน้ำลายคนอยากซื้อซีรีส์ 5 กันยกใหญ่
อีกทั้งยังเป็นปีแรกที่ BMW เข้าร่วมงาน Motor Expo เต็มอัตราศึก หลังจากหลงเอา
รถมือสองของตนมาขายอยู่ได้ตั้งหลายปี แถมตบท้ายด้วยภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์
เรื่องใหม่ล่าสุด ถ่ายทำบางส่วนในประเทศไทย ออกฉายเมื่อ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา
เรียกได้ว่า เป็นปีที่ เราไม่เคยเห็น BMW คึกคักเหมือนยักษ์ออกศึก ได้มากขนาดนี้มาก่อน

มาปีนี้ ค่ายใบพัดสีฟ้า จากเมืองมิวนิค เยอรมนี มีการบ้านชิ้นใหญ่ที่จะต้องเตรียมวางแผน
เกทับ บลัฟคู่ปรับตลอดกาลอย่าง Mercedes-Benz E-Class W212 ใหม่ ด้วยการเปิดตัว
ซีรีส์ 5 Full Modelchange รหัสรุ่น F10 ที่เพิ่งคลอดออกสู่สายตาชาวโลกไปหมาดๆ
เมื่อ 24 พฤศจิกายน 2009 โดยในช่วงแรก อาจจะเป็นการนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน จากเยอรมัน
ก่อนจะส่งมาขึ้นไลน์ประกอบ ที่โรงงานของตน ในระยอง คาดว่า น่าจะเปิดตัวด้วยรุ่น
เครื่องยนต์ เบนซินกันไปก่อน จากนั้น รุ่น 520d ที่กลายเป็นรุ่นขายดีไปแล้ว จึงจะคลานตามมา
นอกจากนั้น อาจมีรายการกระตุ้นตลาด ด้วยรุ่นย่อยพิเศษต่างๆ ตามแต่วาระและโอกาสจะอำนวย

ส่วนใครที่รอ X1 รถยนต์ SUV รุ่นล่าสุดของค่ายนี้ ยังคงต้องรอดูกันต่อไป เนื่องจากว่า
มีขนาดตัวถัง พอกันกับ X3 ที่ประกอบขายในประเทศไทยอยู่แล้ว (และขายไม่ค่อยจะดีนัก)
ดังนั้น ถ้านำเข้ามาทั้งคัน ราคาอาจจะสูงโดดขึ้นไปแตะแถวๆ 4 ล้านปลายๆ ถึง 5 ล้านบาท ต้นๆ
แม้จะยังห่างจากพี่ใหญ่ X5 xDrive 30d ถึง 1 ล้านบาท แต่เศรษฐีใจป้ำหลายคน อาจเพิ่มเงิน
ส่วนต่าง ปีนขึ้นไปเล่นรุ่นใหญ่กว่า แทนก็อาจเป็นได้

หรือถ้าจะสั่งมาประกอบขายในไทย ก็ต้องคิดให้ตกว่า จะเชือด X3 xDrive 20d ที่ใช้
เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ บล็อกเดียวกับ 320d และ 520d ทิ้งได้ลงจริงหรือ?

ข้ามมาดูแบรนด์ในเครือ เชื้อชาติอังกฤษ อย่าง MINI ปีนี้ ในตลาดโลก จะมีการเปิดตัว
MINI Crossman อันเป็นเวอร์ชัน Crossover SUV ของ รถเล็กผู้ครองโลกแฟชัน รุ่นนี้
หลังจากเผยโฉมเวอร์ชันต้นแบบที่เห็นอยู่นี้ มาตั้งแต่งาน Paris Motor Show เดือน
กันยายน 2008 คาดว่า จะยังคงใช้เครื่องยนต์ จาก Peugeot ทั้ง 1.4 ลิตร และ 1.6 ลิตร
120 แรงม้า จากใน MINI Cooper และ 175 แรงม้า จากรุ่น MINI Cooper S นำมา
เชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ อดใจรอกันอีกนิด แฟนมินิ กระเป๋าหนัก ทั้งหลาย
คงเตรียมได้เป็นเจ้าของกันในไม่ช้า

——————————————

BYD
แน่ใจแล้วเหรอว่าจะมาไทยในตอนนี้?

ตลาดรถยนต์เมืองไทย ยังคงความหอมหวนสำหรับ ผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองจีน อยู่ไม่น้อย
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า BYD ผู้ผลิตรถยนต์ แบรนด์ท้องถิ่นที่ขายดีในลำดับต้นๆ กำลังคิด
จะมาเปิดตัว ในงาน Bangkok International Motor Show เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

BYD อาจจะเป็นชื่อใหม่ สำหรับวงการรถยนต์ แต่ว่า พวกเขา คือผู้ผลิตแบ็ตเตอรีโทรศัพท์
เคลื่อนที่ อันดับ 2 ของประเทศจีน ซึ่งเคยเป็นพาร์ทเนอร์ ร่วมกับ Nokia แต่ก็ขยันก่อเรื่อง
ให้กับยักษ์ค่ายมือถือรายนี้ได้หัวเสียอยู่เรื่อยๆ ในด้านคุณภาพที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้

ตำแหน่งอันดับ 2 นั้น ได้มาเมื่อปี 2003 อันเป็นปีแรกที่ BYD เริ่มก้าวเท้าสู่ธุรกิจรถยนต์!!
และการก้าวเข้าสู่ธุรกิจใหม่นี้ พวกเขาเล่นง่ายๆ ด้วยการนำเอา Toyota Corolla ALTIS
มาแปลงหน้าซะใหม่ แล้วจับแปลงท้าย เอาไฟท้ายของ Honda City รุ่นที่ 2 ใส่เข้าไปดื้อๆ
แล้วขายในชื่อ BYD F3 หรือว่า การนำ Honda Accord รุ่นที่แล้ว มาดัดแปลงด้านหน้าเสียใหม่
แล้วใส่พวงมาลัยของ Toyota Camry รุ่นปัจจุบันที่แปะตราตัวเองเข้าไป วางเครื่องยนต์
4G69 ของ Mitsubishi กลายเป็น BYD F6 ออกขายกันหน้าตาเฉย นี่ยังไม่นับการนำ
Toyota AYGO มาแปลงรายละเอียดนิดหน่อย ขายเป็น BYD F0 (Just Cool)
การนำ Toyota Corolla RUNX 5 ประตู ที่ตกรุ่นไปแล้ว ใส่บั้นท้ายของ Chevrolet
Optra Hatchback ขายในชื่อ BYD F3R จนถึงการยก Toyota Estima มาแปลง
ชิ้นส่วนด้านหน้า ขายเป็น BYD M6 อะไรจะจับแพะชนแกะได้บ้าระห่ำขนาดนี้?

ถ้าจะมีรถที่พวกเขาทำขึ้นมาเอง ก็คงจะมีแค่ มินิแวน 5 ที่นั่ง พลังไฟฟ้า e6
กับรถเปิดประทุนหลังคาแข็ง S8 ที่ไปเอา Renault Megane Cabriolet มาดัดแปลง
ใส่ไฟหน้าของ Mercedes-Benz C-Class W202 แปะเข้าไป ดื้อๆ และการนำ
F3 กับ F6 ไปใส่ขุมพลัง ไฮบริด ที่พวกเขาพยายามดัดแปลงด้วยตัวเองขายในชื่อ
F3 DM และ F6 DM ก็เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ การเปิดตลาดรถยนต์ในเมืองไทยของ BYD ไม่ใช่เรื่องหมูๆ เพราะ
นิสัยเสียของนักธุรกิจ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในยุคหลังปี 2000 เป็นต้นมา มักจะ
ไม่ค่อยสนใจ ในสิทธิทางปัญญาของผู้อื่น รังแต่คิดจะลอกแบบ เลียนแบบ
หยิบฉวยรถของค่ายอื่นๆ เขามา ดัดแปลงให้แตกต่างกันแบบ ทุเรศๆ และคนไทย
ไม่ได้นิยมใช้รถยนต์ ที่ไปลอกชาวบ้านเขามาดัดแปลงขาย ขนาดโลโก้ในตอนแรก
ก็ยังดูคล้ายโลโก้ของค่ายรถตราใบพัดแห่งเมืองมิวนิคอย่าง BMW กันเลยด้วยซ้ำ
และเพิ่งจะมาเปลี่ยนโลโก้ในปี 2009 ที่ผ่านมา ซึ่งก็คล้ายโลโก้ของ KIA อีกอยู่ดี
พวกเขาไม่ค่อยสนใจอะไรทั้งสิ้น นอกจากว่า ขายแล้ว ได้เงินมา ก็พอแล้ว

ดังนั้น สำหรับ BYD รอให้พวกเขา ทำรถออกมา อย่างดี ด้วยโนว์ฮาวของตัวเอง
อย่างแท้จริง ปรับปรุงคุณภาพในการผลิต การประกอบ และใส่ใจในรถที่ตนผลิตขาย
มากกว่าที่เป็นอยู่นี้เสียก่อน ค่อยนำเข้ามาขายในเมืองไทย ก็ยังไม่สาย อย่าเพิ่ง
ไปรีบร้อนเอามาขาย เดี๋ยวเจ๊งขึ้นมาแล้วจะหาว่าไม่เตือน!

——————————————

CHERY
ผลเชอรี่ ที่ยังไม่สุกงอม

นับจากการเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย ณ งาน Bangkok Internatinal Motor Show 2009
จนถึงวันนี้ เริ่มมีรถยนต์รุ่นเล็ก Chery QQ ผลผลิตอันน่าภาคภูมิใจ จากการไปลอกแบบ
Daewoo / Chevrolet Matiz เขามาเกือบทั้งคัน แล้วดัดแปลงให้แตกต่างกัน 7 จุด
ตามกฎหมายของจีน จนเจ้าของลิขสิทธิ์ ต้องแพ้คดี ที่ศาลจีน อย่างไม่สมควรจะเป็น
วิ่งเล่นบนถนนเมืองไทยกันบ้างแล้ว

แต่เรื่องนั้น คือ อดีต Chery เอง พยายามจะถีบตัวเอง ขึ้นมา เพื่อให้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์
อันดับต้นๆของโลก แต่ก้าวอย่างที่ว่าหนะ ไม่ได้สวยหรูนัก เพราะแม้ว่า งานออกแบบของ
Chery จะเริ่มเข้าร่องเข้ารอย กันบ้างแล้ว แต่ คุณภาพในการผลิตชิ้นส่วน และงานประกอบ
ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเจริญเติบโต ของ Chery ในตลาดโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในตลาดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของรถยนต์ มากเป็นลำดับต้นๆ อย่างประเทศไทย

แม้ความพยายาม ด้านการออกแบบรถ เป็นของตัวเอง ดูเหมือนน่าจะสดุดี กว่าสิ่งที่ BYD ทำอยู่
ทว่า หากยังคงปล่อยปละละเลยในเรื่องคุณภาพการประกอบ อยู่อย่างนี้ อนาคตของ Chery
ในเมืองไทย ก็คงจะสั้นอย่างที่ไม่ต้องไปโทษใครอื่นใด นอกจากบริษัทแม่ที่เมืองจีนนั่นแหละ!

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะถามว่า รุ่นไหน มีแนวโน้ม น่าจะนำเข้ามาทำตลาดต่อไป
ผมคงมองเห็นรุ่น A1 คันเล็ก และ A3 คอมแพกต์ ซีดาน ที่ดูดีมีชาติตระกูล
กว่าใครเพื่อนเขาทั้งหมด แม้ว่าชื่อรุ่น เหมือนจงใจไปพ้องกับ Audi ก็ตาม

——————————————

CHEVROLET
พ.ย. 2010 : CRUZE (PROJECT J300) เลื่อนจาก พ.ย.2009 1.6 1.8 e85 & 2.0 ดีเซล
มิ.ย. 2011 : NEW AVEO (PROJECT T300)
พ.ย. 2011 : NEW COLORADO (PROJECT GMI700)
ทุกโปรเจ๊กต์ DELAY กระจาย!!!!!

ผลสืบเนื่องจากการฉลองครบรอบ 100 ปีของจีเอ็ม ในปี 2008 กลับต้องตามมาด้วยฝันร้าย
ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ยักษ์อันดับหนึ่งของโลก ต้องประสบกับภาวะขาดทุนมหาศาล
จนต้องประกาศ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตามกฎหมาย Chapter 11 นี่คือวิกฤติการณ์
ที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่จีเอ็มเคยประสบมา และนั่นส่งผลกระทบถึงคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไมได้

ต้นปี 2009 ต่อเนื่องจากปลายปี 2008 โรงงาน จีเอ็มที่ระยอง ประกาศ พักสายการผลิต
นานถึง 2 เดือน สำหรับเพื่อระบายสต็อกที่เหลืออยู่ให้หมด มีลูกจ้างชั่วคราวในไลน์ผลิต
ที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ต้องออกจากงาน ตามโปรแกรมการจ้างออก ราวๆ 258 คน
แต่ลูกจ้างประจำ ยังคงรับเงินเดือน 75% ไปนอนผึ่งพุงตากพัดลมอยู่บ้านสบายๆ 2 เดือน
โดยสวัสดิการที่จำเป็นยังไม่ถูกตัดลงแต่อย่างใด เป็นความจริงที่ไม่เลวร้ายเท่ากับ
ที่ข่าวเศรษฐกิจทางทีวี เอาไปพูดออกอากาศ

แต่หลังจากนั้น ในช่วงกลางปี เมื่อ จีเอ็ม ต้องประกาศการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู
ตามกฎหมาย CHAPTER 11 สถานการณ์ตึงเครียด ก็บังเกิดกับคนของ จีเอ็ม ในทันที
ไหนจะจัดงานแถลงข่าว แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แถมยังต้องมัวคำนึงถึงตำแหน่งงานของตน
ว่าจะยังมีที่ยืนอยู่เหมือนเดิมอีกหรือไม่ แต่ในที่สุด ช่วงเวลาวิกฤติ ก็เริ่มคลี่คลายลง
การทำภาพยนตร์โฆษณาออกมา สร้างความเชื่อมั่น กับสาธารณชน ไปจนถึง
การจัดทำโครงการน้อยใหญ่มากมาย และแคมเปญ กระตุ้นตลาด ให้กับ
รถยนต์รุ่นต่างๆ คือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงปีที่ผ่านมา

และสุดท้าย กับการเปิดตัว AVEO 1.6 ลิตร ที่ยกเอาเครื่องยนต์ของ Optra 1.6
มาวาง เพื่อแก้ปัญหาภาพลักษณ์ด้านอัตราเร่งอันอืดอาดของรถรุ่น 1.4 ลิตร
เปิดตัวในงาน Motor Expo แต่ ไม่ค่อยมีใครเขียนถึง กระแสค่อนข้างเงียบสนิท

ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ก็คือ ที่ผ่านมา จีเอ็ม ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน จาก
สื่อมวลชนสายรถยนต์ในบ้านเรา เท่าที่ควร เหตุผลไม่มีอะไรมากไปกว่า
การที่ จีเอ็ม แยกฝ่ายที่ดูแลงบโฆษณา กับ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ออกจากกัน
คนส่งข่าวพีอาร์ ก็ส่งข่าวมาขออนุเคราะห์พื้นที่ลงกันเข้าไป สิ แต่คนตัดสินใจ
ลงโฆษณา ในอีกแผนก ก็แทบจะไม่สนใจช่วยเหลือสื่อมวลชนเหล่านั้น
ด้วยการซื้อพื้นที่ในสื่อมวลชนสายรถยนต์ทั่วไปกันเสียเลย เอาง่ายๆ คุณจะพบเห็น
งานโฆษณาของ Chevrolet ในสื่อมากมาย แต่ไม่ใช่ในหน้าหนังสือหรือ
รายการวิทยุที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เท่าใดนัก เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เลยทำให้
สื่อมวลชนสายรถยนต์ทั่วๆไป รู้สึกว่า ไม่อยากจะช่วยเหลืออะไรจีเอ็มกันอีก
และคนที่ทำงานด้านนี้ คนอื่นๆ ก็จะมองว่า สื่อเอง ก็ต้องกินต้องอยู่ได้ เหมือนกัน
 
(เรา Headlightmag.com ไม่ได้สนใจว่า ใครจะซื้อโฆษณากับเราหรือไม่
แต่ เรามองเห็นข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เห็นว่าเรื่องนี้ตือปัญหาที่จีเอ็ม
ควรเร่งแก้ไข กับสื่อรายอื่นๆ ที่ไม่ใช่พวกเรา ก่อนที่ความสัมพันธ์
กับสื่อมวลชนทั้งวงการ จะลดตต่ำลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงมาบอกเล่า
ให้อ่านกันเพียงเท่านั้น เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครทั้งสิ้น

และขอแนะนำว่า เอางบของคุณ ไปลงโฆษณากับสื่อเหล่านั้นเขาบ้าง
ยังไม่ต้องมาลงโฆษณาให้กับเรา เพราะเราไม่ได้เดือดร้อนอะไรขนาด
ที่พวกเขาประสบอยู่)

ส่วนถ้าจะถามว่า ปี 2010 นี้ จีเอ็ม เชฟโรเลต มีรถรุ่นใหม่คันไหน ที่ควรจะรอบ้าง
ก็คงจะต้อง เริ่มจาก Chevrolet CRUZE ใหม่ รหัสโครงการ J300 ซึ่งเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉม
Full Modelchange ของรถยนต์คอมแพกต์ซีดานคันใหม่ ที่จะทำตลาดแทน Optra
มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวขึ้น มุ่งเน้นเอาใจลูกค้าวัยรุ่นมากขึ้น แต่ยังต้องรักษากลุ่ม
ลูกค้าหนุ่มสาววัยทำงาน และครอบครัว ที่มองหารถยนต์นั่งที่เน้นความนุ่มสบาย
ไว้ใช้งาน รูปลักษณ์ภายนอก คล้ายคลึงกับรถยนต์หลายๆรุ่นของหลายค่าย
ที่ทำตลาดอยู่ตอนนี้

ทางเลือกเครื่องยนต์ของเวอร์ชันไทย จะเหมือนกับในตลาดโลกที่ยืนพื้นอยู่กับบล็อก
4 สูบ 1,600 ซีซี และ 1,800 ซีซี ที่ปรับปรุงให้รองรับการเติมน้ำมันแก็สโซฮอลล์ E85 ได้
ส่วนเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี ดีเซล จะมีในเวอร์ชันไทย ค่อนข้างแน่นอนแล้ว หลังการเปิดตัว
ในตลาดโลกมาได้ 1 ปีนิดหน่อย ล่าสุด ต่อให้สถานการณ์ด้านการเงินของจีเอ็มดีขึ้น แต่
กำหนดการเปิดตัวในเมืองไทย อาจจะยังคงต้องอยู่ที่ช่วงกลางปี 2010 เป็นอย่างเร็วที่สุด
และกว่าจะพร้อมขายกันได้ อาจต้องรอถึงปลายปี โดยจะยังคงขึ้นสายการผลิตที่
โรงงานระยอง ไม่ใช่มาเลเซียอย่างที่เคย ร่ำลือกันมาก่อนหน้านี้

จากนั้น จะตามติดด้วย เอวิโอ ใหม่ รหัสโครงการ T300 ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนโฉม
Full Modelchange ครั้งใหญ่ รายละเอียดด้านวิศวกรรม จะยังคงสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง
GAMMA สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก ของทั้งกลุ่มจีเอ็มและเฟียต และคราวนี้คาดว่า
จะต้องยกระดับเครื่องยนต์ จาก 1.4 ลิตร ในตลาดยุโรป มาเป็น 1.5 ลิตร รุ่นใหม่
ที่มีพละกำลังดีกว่าเก่า รวมทั้งการออกแบบห้องโดยสาร ที่จะเอาใจกลุ่มลูกค้า ผู้ซื้อ
รถคันแรกในชีวิตมากยิ่งกว่ารุ่นปัจจุบัน กำหนดเปิดตัว จากเดิม ในช่วงเดือน
มิถุนายน 2010 อาจจะต้องเลื่อนออกไป อีก 9 เดือน หมายความว่า เร็วที่สุดที่
เราจะได้เห็น AVEO ใหม่ กันบนถนนเมืองไทย คือ กลางปี 2011

ปิดท้ายกันด้วย ความคืบหน้าของโครงการ GMI 700 หรือรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน
ของรถกระบะ เชฟโรเลต โคโลราโด โดยประเทศที่จะเป็นฐานหลักในการพัฒนา
รถกระบะรุ่นใหม่นี้ จะย้ายไปอยู่ที่ ประเทศบราซิล โดยมีญี่ปุ่น กับ ไทย ยังเป็น
ประเทศพี่เลี้ยง อยู่ รายละเอียดของคันจริง ตอนนี้คืบหน้าไปในระดับหนึ่ง ว่า
จะใช้โครงสร้างตัวถังหลักร่วมกับ Isuzu D-Max เจเนอเรชันต่อไป (รหัส RT-50)
อยู่ แต่ชิ้นส่วนเปลือกตัวถังภายนอก จะปรับปรุงให้แตกต่างจากอีซูซุมากขึ้น
ส่วนเครื่องยนต์ จะสร้างขึ้น ณ ส่วนต่อขยายของโรงงาน จีเอ็มระยอง เป็นการ
ร่วมทุนกันระหว่างจีเอ็ม และ VM.MOTORI แห่งอิตาลี ที่จีเอ็มเข้าไปซื้อ
หุ้นใหญ่มาเมื่อปี 2007 ยืนยันแล้วว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ดีเซล ขนาด 4 สูบ
DOHC 16 วาล์ว คอมมอนเรล ซูเปอร์ชาร์จ 2,500 ซีซี และ 2,800 ซีซี โดย
ไม่จำเป็นต้องขยับไปถึง 3,000 ซีซี แต่อย่างใด การใช้เครื่องยนต์ใหม่นี้
จะทำให้รถกระบะใหม่ของเชฟวี แตกต่างจาก ฝาแฝดร่วมโครงการอย่างอีซูซุ
ซึ่งจะยืนหยัดกับเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี และ 3,000 ซีซี ตามเดิม

แม้จะใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกัน แต่ตัวรถของฝ่ายเชฟโรเลต จะมีความแตกต่างจาก
เวอร์ชันอีซูซุ มากกว่าปัจจุบัน ที่ดีแมกซ์ และโคโลราโด เป็นอยู่ เพราะการถอนหุ้น
ของจีเอ็มในส่วนที่ถือครองอยู่ในอีซูซุออกไปจนเกือบจะหมด ทำให้มีความ
เป็นไปได้สูงที่อนาคต ทั้งคู่อาจต้องแยกกันพัฒนารถกระบะของตนตามลำพัง ถึงกระนั้น
จีเอ็มก็รู้ดีว่า การปล่อยให้อีซูซุ ช่วยพัฒนาเครื่องยนต์และงานวิศวกรรมอื่นๆนั้น
จะช่วยให้จีเอ็มลดต้นทุนในการพัฒนาลงไปได้มาก ซึ่งในรุ่นปัจจุบันนั้น มีชิ้นส่วน
ที่แตกต่างกันเพียง 300 กว่าชิ้นเท่านั้น

แต่ด้วยปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้การก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ ร่วมทุนกับ
V.M. MOTORI จากอิตาลี ที่เพิ่งวางศิลาฤกษ์กันไปเมื่อเดือนกันยายน 2008 ต้อง
เลื่อนออกไปอีก 1 ปี นั่นทำให้โครงการ GMI 700 จะถูกเลื่อนออกไปอีก 1 ปี
เพื่อไปเริ่มต้นขึ้นสายการผลิตจริง เดือนกรกฎาคม 2011 เป็นอย่างเร็วที่สุด และ
นอกจากนี้ จะมีเวอร์ชัน เอสยูวี ตามออกมาอีกด้วย โดยมีกำหนด ขึ้นสายการผลิต
เดือนกุมภาพันธ์ 2012

ด้านเอสยูวี รุ่น Captiva นั้น ก็เป็นอีกโครงการที่ได้รับผลกระทบ เพราะมีแผน
จะปรับโฉมใหม่ บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภายใต้รหัสโครงการ
C140 แต่เดิม มีกำหนดเปิดตัวราวๆ ปี 2010 ทว่าตอนนี้ เจอโรคเลื่อนไปเรียบร้อยแล้ว
เลยยังไม่แน่ชัดว่า จะย้ายไปเปิดตัวเมื่อใด หรือจะลากขายโฉมนี้ไปเรื่อยๆ ก่อน?

——————————————

CITROEN
ตัวอื่น ตัดใจ แต่ DS3 ยังคุยกันอยู่

ปีที่ผ่านมา แบรนด์ซีตรองออกจะยิ่งเงียบเหงาหนักกว่าเดิม  การนำเอา
C6 3.0 HDi เข้ามาทำตลาดด้วยราคา 5.7-6.2 ล้านกว่าบาท รวมทั้ง รถตู้ LCV
รุ่น JUMPER นำเข้ามาทำตลาด ทั้งรุ่นพื้นฐาน 1.59 ล้านบาท และรุ่น
ตกแต่งเป็นพิเศษสุดหรู ราคาแค่ 2.7 ล้านบาท หวังท้าประกบกับ
โฟล์กสวาเกน คาราเวลล์ และฮุนได H-1 อวดโฉมในมอเตอร์เอ็กซ์โป
คือสิ่งเดียวที่ยังยืนยันอยู่ว่า ซีตรอง ยังคงไม่ตายไปจากเมืองไทยของเรา

เพราะในปี 2009 นั้น ซีตรอง ตั้งเป้าว่าจะนำ มินิแวนสุดสวย หลังคากระจก
C4 Picasso และรุ่นเปลี่ยนโฉมโมเดลเชนจ์ทั้งคัน ของซีดานระดับนักบริหาร
C5 ใหม่ เข้ามาเปิดตัวในบ้านเราได้ซักที หลังจากเจอโรคเลื่อนไปตลอด
ทั้งปีที่ผ่านมา แต่สุดท้าย ก็ยังคง เงียบสนิทตลอดทั้งปี เหมือนเช่นเคย

พอมาปี 2010 ผู้จำหน่ายในบ้านเรา พยายามเจรจาอยู่ว่า อยากได้ DS3
คอมแพกต์แฮตช์แบ็กสุดหรูล้ำอลังการ เข้ามายั่วบรรดา Fashionista
หรือกลุ่มผู้รักแฟชัน ในบ้านเรา กับเขาบ้าง  ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า
เวอร์ชันไทยจะใช้เครื่องยนต์ขนาดไหน แรงเท่าใด อุปกรณ์มีอะไรบ้าง
และที่สำคัญ คือยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะมาเมื่อไหร่ หรือ เข้ามาได้หรือไม่

เหตุผลเดียว ที่ยังไม่มีความชัดเจนออกมา ก็เพราะ รถรุ่นแรกที่จะออกจำหน่าย
ยังไม่มีเกียร์อัตโนมัติออกมาให้เลือกในตอนนี้….

——————————————

FERRARI / MASERATI
458 Italia มาแน่ๆ
แต่ GranCabrio เปิดประทุน 4 ที่นั่ง ยังไม่ชัวร์

ความเคลื่อนไหวสำคัญที่สุดของ แบรนด์รถหรูม้าลำพอง จากอิตาลี เมื่อปีที่แล้ว ก็คือการแต่งตั้ง
ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย รายใหม่ ที่ชื่อ คาวาลิโน มอเตอร์ อันเป็นธุรกิจ
ในกลุ่มของ ตระกูลภิรมย์ภักดี หรือ สิงห์ คอร์ปอเรชัน นั่นเอง นั่นทำให้ บนโชว์รูม
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เราจึงได้เห็นรถสปอร์ตรุ่น California จอดอวดโฉมอย่าง
เรียบร้อยในที่สุด

ปี 2010 นี้ เราคงต้องดูกันต่อไปว่า รถสปอร์ตรุ่นล่าสุด 458 Italia ซึ่งเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉม
แบบ Full Modelchange ของ ตระกูล 430 Scuderia ที่เพิ่งเปิดผ้าคลุมไปอย่างเป็นทางการ
ใน Frankfurt Motor Show กันยายนที่ผ่านมา วางเครื่องยนต์ V8 ทำมุม 90 องศา 4,499 ซีซี
570 แรงม้า (PS) ที่ 9,000 รอบ/นาที แรบิดสูงสุด ถึง 540 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที
พร้อมเกียร์ Dual Clutch 7 จังหวะ แบบ F1 จะถูกส่งลงเรือมาถึงเมืองไทยได้ ในช่วงใดของปีนี้

ด้าน แบรนด์น้อง อย่าง มาเซราติ นั้น ในที่สุด Gran Turismo อันเป็น เวอร์ชันคูเป้ ของ
Quattroporte ก็โผล่เข้ามาในบ้านเราจนได้ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แถมมีลูกค้าอุดหนุนไปแล้วด้วย
แต่ถ้าจะถามว่าปีนี้ มีอะไรใหม่ คำตอบก็คือ คงต้องรอลุ้น ดูว่า Gran Cabrio เวอร์ชันเปิดประทุน
ของ Gran Turismo จะถูกส่งเข้ามาในไทยหรือไม่?

——————————————

FORD
2010 :  All New FIESTA (Project Code : B299)  
           เครื่อง 1.6 ลิตร 120 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ Dualclutch
           เลื่อนไปเป็น มิถุนายน 2010
2011  : All New RANGER (Project Code : T6) โชว์กลางปี แต่ขายปลายปี?
            ESCAPE LAST Minorchange
2012 :  All New FOCUS , EVEREST Full Modelchange, ESCAPE FADE-OUT
2013 : ?

ถึงบริษัทแม่ ในสหรัฐอเมริกา จะสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งสำคัญ
เมื่อปีที่ผ่านมาได้ แต่ก็เล่นเอาสะบักสะบอมไปไม่น้อย เมื่อแลกกับการปล่อย
แบรนด์ดีๆ อย่าง Jaguar และ land Rover ให้หลุดไปอยู่ในมือของ Tata Motors
พร้อมับการปลดแอก Mazda ด้วยการขายหุ้น คืนฝั่งญี่ปุ่นเขาไป และล่าสุด
ก่อนสิ้นปี ตกลงกับ ผู้ผลิตรถชาวจีนจอมลอกเลียนแบบอย่าง Geely ได้แล้วว่า
จะขายกิจการ Volvo สวีเดน ให้อย่างแน่นอน แต่สถานการณ์ในเมืองไทย ดูท่าว่า
จะเลวร้ายไม่แพ้สำนักงานใหญ่ที่ Dearborn มลรัฐมิชิแกน กันเลยทีเดียว

Ford ประเดิมปี 2009 ด้วยการเปิดตัว RANGER Minorchange ใหม่ เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2009
แต่ตลอดทั้งปี ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของฟอร์ด ในตลาดกระบะ ดีขึ้นมาเลยสักนิด ขณะที่
ตลาดรถเก๋งนั้น โชคยังดี ที่ได้ Focus TDCi Minorchange พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
DualClutch ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ Motor Expo 2008 พร้อมกับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของโฟกัส รุ่นอื่นๆ
ประคับประคองยอดขายไปได้ แบบที่เกือบต้องใช้เครื่องช่วยหายใจกันเลยทีเดียว

อีกทั้งปีที่ผ่านมา ฟอร์ด ยังไม่อาจเดินเครื่องบุกตลาดรถยนต์ Sub-Compact ได้เต็มที่
เหมือนคู่หูเก่าอย่าง Mazda ที่ตัดหน้า เปิดเกมบุกทำคะแนนไปก่อน ด้วย Mazda 2
ทำให้เพื่อนซี้ร่วมแพล็ตฟอร์มอย่าง Fiesta ใหม่ ทำได้แค่เพียงปล่อยข่าวไปเรื่อยๆ
ว่าจะพร้อมคลอดจากโรงงาน AAT ที่ระยอง บนสายการผลิตเดียวกับ Mazda 2
และจะเริ่มทำตลาดในปี 2010 แต่จะวางเครื่องยนต์ที่ต่างออกไปจาก Mazda 2
โดยเป็นเครื่อยนต์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.6 ลิตร ไดเร็คท์อินเจ็กชัน พร้อมกับระบบ
แปรผันวาล์ว ที่หัวแคมชาฟท์ Ti-VCT คาดว่าจะมีกำลังสูงถึง 120 แรงม้า (PS)

ข่าวล่าสุด อัพเดทกันสดๆ แจ้งว่า กำหนดเปิดตัว อาจต้องเลื่อนยาว ไปไกลถึงเดือน
มิถุนายน 2010 เหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือ รอเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ DualClutch
ที่จะต้องส่งมาจากยุโรป  มาถึงเมืองไทย เสียก่อน จึงจะเริ่มประกอบ ฟิเอสต้า ทั้ง
แฮตช์แบ็ก 5 ประตู และ ซีดาน 4 ประตู พร้อมสีตัวถังพิเศษ สำหรับตลาดอาเซียน
โดยเฉพาะ ขายพร้อมกันได้ไม่เร็วและไม่ช้าไปกว่านี้อีกแล้ว ราคา ไม่ต้องเดาให้
มากความ กางราคาคู่แข่งในตลาด Sub-Compact B-Segment ทั้งหลาย ก็จะพบว่า
ราคา อยู่ในช่วง 5 แสน – 7 แสนบาท ฟิเอสต้าใหม่ ก็จะมีราคาในช่วงเดียวกันนี้นั่นละ
ไม่หนีไปไหนไกลหรอก

สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดของ ฟิเอสต้า คือ แผนโปรโมท ในช่วงเปิดตัว จะต้องร้อนแรง
ให้ได้เทียบเท่า หรือยิ่งกว่า Mazda 2 นั่นคือทางเดียวที่จะทำให้ ชื่อของฟอร์ด
กลับมาติดหูติดตาติดปากคนไทยอีกครั้ง แต่นั่นก็ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลอยู่
อีกทั้งยังต้องการคนที่เคยมีประสบการณ์ ในการเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
มาช่วยเป็นกุนซือวางแผน ให้รัดกุม ซึ่งเท่าที่ดูแล้ว ฟอร์ดเองยังไม่พร้อมเท่าไหร่เลย

หลังจากนั้น ในช่วงปลายปี 2011 ก็จะถึงคิว การเปิดตัว รุ่นเปลี่ยนโฉม Modelchange
ให้กับ รถระบะ Ranger ใหม่ ที่เลื่อนเปิดตัวจากกำหนดการเดิม ในปีนี้ ออกไปอีก 1 ปี
และตอนนี้ กำลังพัฒนาอยู่ในรหัสโครงการ T6 ล่าสุด มีภาพรถต้นแบบชุดแรก ที่กำลัง
แล่นทดสอบทั้งในสหรัฐอเมริกา และในออสเตรเลีย หลุดออกสู่เว็บไซต์รถยนต์
ต่างประเทศกันบ้างแล้ว แม้จะยังไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริง เพราะใช้ชิ้นส่วนตัวถังของ
Mazda BT-50 มาแปะขึ้นรูปพรางตัวไปก่อนในชั้นต้น แต่ก็พอมองเห็นเค้าลางได้ว่า
รถรุ่นใหม่จะมีขนาดใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมมาก ชนิดที่ ใหญ่กว่า Toyota Hilux VIGO
กว่ากันนิดนึง อีกทั้งยังมีบานแค็บเปิดได้ อันกลายเป็นเอกลักษณ์จากสองค่ายนี้
มาให้ได้ใช้กันแน่นอน รวมทั้งยังใช้เครื่องยนต์จากรุ่นเดิม แต่พัฒนาให้แรงยิ่งขึ้น
ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่ปล่อยมลพิษน้อยลง ตามมาตรฐาน EURO-IV กว่าจะ
พร้อมเปิดตัว ต้องรอกันอีก 1 ปีกับอีก 9 เดือน และถึงตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า
อาจจะไม่ใช้ชื่อรุ่นว่าเรนเจอร์อีกต่อไป

และหลังจากนั้น รุ่นเปลี่ยนโฉม Modelchange ของ Everest ใหม่ ก็จะเสริมทัพตามมา
อีกระลอก ในช่วงปี 2012 และคราวนี้ ภาระกิจสำคัญของฟอร์ดก็คือ ทำอย่างไร ให้
เอเวอร์เรสต์ สามารถปรับภาพลักษณ์ขึ้นมา ท้าชนกับทั้ง Toyota Fortuner และ
Mitsubishi Pajero Sport อย่างสมศักดิ์ศรีกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งที่ยังต้องใช้โครงสร้างวิ
ศวกรรมพื้นฐานต่างๆ ร่วมกับ เรนเจอร์ T6 นั่นเอง  

ต่อไป คือข่าวซึ่งไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย สำหรับคนที่ใช้ Ford Escape หรือมองหารถรุ่นนี้
กันอยู่ คุณมีเวลาอีกเพียง 2 ปี ที่จะหาซื้อ SUV เทคโนโลยีตกยุคจากปี 2001 ที่ยังคง
ปรับโฉมแต่งหน้าใหม่ มาจนถึงปัจจุบัน มาครอบครอง เพราะตามกำหนดการแล้ว
หลังการปรับโฉม Minorchange ใหญ่อีกครั้งสุดท้าย ราวๆ ปี 2011 Escpae จะค่อยๆ
ลดบทบาท ออกไปในปี 2012 โดยยังไม่แน่ชัดว่า จะมีตัวตายตัวแทนมาทำตลาดต่อหรือไม่

นอกจากนี้ ยังต้องรอดูการเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน ของ คอมแพกต์ซีดาน แฮตช์แบ็ก ระดับ
C-Segment ยอดนิยม อย่าง Ford Focus ที่มีกำหนด เผยโฉมรุ่นใหม่ทั้งคัน ทั่วโลก
ราวปี 2011 คาดกันว่า น่าจะเข้ามาขายในเมืองไทย อย่างช้าที่สุด ราวๆ ปี 2012

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ฟอร์ด ประเทศไทย ยังต้องเดินหน้าลุยงานกันต่อไป ก็คือ
การเดินหน้าปรับปรุงความเชื่อมั่นในบริการหลังการขาย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง
ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่ดี อันจะตามมาด้วยยอดขายที่กระเตื้องกว่านี้ โดยอาจจะต้อง
อัดแคมเปญพิเศษต่างๆ ช่วยอยู่บ้าง

สำหรับอีโคคาร์นั้น นโยบายยังเหมือนเดิม ทางฟอร์ดและมาสด้า มองแล้วว่า
เป็นโครงการที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ตั้งเป้ายอดผลิตปีละ 1 แสนคัน
จะขายให้ใครที่ไหนกัน? ไม่เหมือนกับ กลุ่มซับ-คอมแพกต์ ที่นอกจาก
จะโดนใจลูกค้าชาวไทยมากกว่าแล้ว ยังสามารถส่งขายในตลาดต่างประเทศ
ได้ง่ายกว่า นั่นคือเหตุผลที่ ฟอร์ดและมาสด้า ไม่เล่นด้วยกับโครงการอีโคคาร์
แน่นอน อย่างน้อยก็ในช่วง 3-4 ปีข้างหน้านี้

——————————————

Previous Post

N0310052_กค าค อพระเจ แต ไม ใช บร านน #ทำย งไงได อย างง_part2

Next Post

N0310051_เพ อสน ทค ดแย สาม เพ อน แต เค าไหวต วท และน อส งท เค าต ดส นใจทำ_part2

Next Post
N0310051_เพ อสน ทค ดแย สาม เพ อน แต เค าไหวต วท และน อส งท เค าต ดส นใจทำ_part2

N0310051_เพ อสน ทค ดแย สาม เพ อน แต เค าไหวต วท และน อส งท เค าต ดส นใจทำ_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N1412031 สงครามแม เล ยงก บล กเล ยง ใครจะอย ใครจะไป!!! part2
  • N1412037 งคนท เคยลำบากมาด วยก เพ อไปคบคนรวย part2
  • N1412032 ทำไมแม องขโมยเง นของล กต วเองด วย part2
  • N1412036 คงอยากได แฟนเพ อนจนต วส งได กล าทำเร องแบบน part2
  • N1412035 าม แฟนน ยแย แบบน แนะนำอย คนเด ยวเถอะ!! part2

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.