ยอดขายงบประมาณประจำปี 2019
สรุปยอดขายรถยนต์มาสด้าประจำปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 51,702 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วยจำนวนที่สูงถึง 41,035 คัน โดย Mazda2 ยังคงมาแรงฮิตต่อเนื่องด้วยยอดขายเกินกว่าครึ่งเป็นจำนวนถึง 36,260 คัน ตามมาด้วยรถเก๋ง Mazda3 อีกจำนวน 4,775 คัน ในขณะที่รถปิกอัพบีที-50 โปร ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันด้วยยอดขายกว่า 4,679 คัน ส่วนรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล CX Series อันได้แก่ รถยนต์ครอสโอเวอร์ CX-5, CX-3 และ CX-8 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2562 ก็ยังคงฮิตติดตลาดและมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 5,966 คัน และสุดท้ายรถยนต์ MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุนแบรนด์ไอคอนระดับตำนานของมาสด้า มียอดขายรวมอีก 22 คัน

ไตรมาสแรกปี 63 มาสด้า
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกของปี 2563 แม้จะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสหกรรมในภาพรวม โดยเฉพาะจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่งผลต่อภาพรวมด้านเศรษฐกิจในปีนี้เกิดการชะลอตัวลง แต่รถยนต์มาสด้ายังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า อันเนื่องมาจากการวางแผนกลยุทธ์การตลาด และการยกระดับมาตรฐานการให้บริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น ล้วนทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ จึงทำให้มาสด้าสามารถปิดยอดขายในไตรมาสแรกสูงถึง 10,152 คัน โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยังคงความแรงด้วยยอดขายรวม 7,678 คัน นำโดยมาสด้า2 ด้วยยอดขาย 6,733 คัน และมาสด้า3 จำนวน 945 คัน
รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายรวม 667 คัน ในส่วนรถอเนกประสงค์มียอดขายรวมที่ 1,805 คัน ซึ่งรถยนต์ CX-8 ครอสโอเวอร์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าแบบครอบครัว ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีโดยมียอดขายรวมมาเป็นอันดับหนึ่งในเซ็กต์เมนต์นี้ จำนวน 575 คัน ตามมาติดด้วย CX-5 จำนวน 467 คัน ที่ร้อนแรงสุดเพิ่งเปิดตัวได้เพียงเดือนเดียว คือ CX-30 มียอดขายในเดือนแรกสูงถึง 441 คัน ส่วน CX-3 ครอสโอเวอร์น้องเล็กสุด จำนวน 322 คัน และรถสปอร์ตเปิดประทุน MX-5 จำนวน 2 คัน
ด้านทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้ว่า แม้ว่าจะยังมองไม่เห็นทิศทางที่สดใส อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศและทั่วโลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะชะลอตัวลงและต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น มากกว่าที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ยังมีความหวังว่าด้วยแรงสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน และจากความร่วมแรงร่วมใจกันจากทุกภาคส่วนเชื่อว่าจะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้

กลยุทธ์มาสด้า
สำหรับกลยุทธ์มาสด้าในปี 2563 นี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าสื่อสารวิสัยทัศน์ Sustainable zoom-zoom 2030 ที่มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงามและเพื่อให้ผู้คนและสังคมน่าอยู่ เนื่องในปีนี้เป็นปีที่ Mazda Motor Corporation ครบรอบ 100 ปี เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ทางมาสด้ายังคงเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมมากมายตลอดทั้งปี ที่สำคัญมาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นในการมองไปถึงอีก 100 ปีข้างหน้า พร้อมสานต่ออุดมการณ์ในการให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก โดยยึดมั่นในแนวคิด “การสร้างสรรค์ระหว่างความเป็นเอกลักษณ์ของพวกเราร่วมกับผู้อื่น” และจะยังคงท้าทายความสามารถและศักยภาพของตนเองต่อไป เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อันเป็นที่ต้องการของลูกค้า เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคนจนเกิดเป็นความผูกพันต่อไปในระยะยาว
ด้านกลยุทธ์ทางผลิตภัณฑ์ มาสด้าวางแผนงานเพื่อพิ่มศักยภาพการทางการแข่งขัน ด้วยการเตรียมเปิดตัวทั้งรถยนต์โมเดลรุ่นใหม่ๆ และไมเนอร์เชนจ์ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2563 โดยเฉพาะการบุกตลาดรถครอสโอเวอร์เอสยูวีและตลาดรถปิกอัพ ทั้งจากตระกูล CX Series และจากรถปิกอัพ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและเพิ่มความคุ้มค่าให้กับรถยนต์มาสด้ามากยิ่งขึ้น ทั้งยังเพิ่มความครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์ ให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ามองหามากที่สุด

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าว สำหรับปีนี้ มาสด้ามุ่งเน้นกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ Mazda Digital Platform เป็นหลัก เนื่องจากได้เล็งเห็นว่าสื่อออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญกับวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ได้พัฒนาแพล็ตฟอร์มของเราให้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วและสามารถรองรับการใช้งานได้ 100% เชื่อว่าการมุ่งเน้นการสื่อสารออนไลน์นี้ จะสามารถช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้าในแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ยังมุ่งเน้นการจำหน่ายรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ SKY booking อีกด้วย ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะทำให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดี ช่วยอำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าประจำปีงบประมาณ 2562 เทียบกับปีงบประมาณ 2561
คอมแพคเอสยูวี 2020 มาแรงที่สุด
1. Mazda cx-30

คันแรกกับ Mazda cx-30 เป็นรถใหม่ในกลุ่ม SUV ของมาสด้า ที่อยู่ระหว่างกลางสำหรับ CX-3 และ CX-5 ตัวรถมีขนาดความกว้างขวางเพิ่มขึ้นแต่ไม่ใหญ่เท่า CX-5 หน้าตามีความโฉบเฉี่ยว หรูหรา มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้สมรรถนะความแรงและประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที

จุดเด่น
- เครื่องยนต์ใหญ่สุดในกลุ่ม แรงม้าและกำลังขับขี่สนุกสนาน
- มีความหรูหราสุด ด้วยวัสดุภายในห้องโดยสาร
จุดด้อย
- ราคาค่าตัวแพงกว่าในกลุ่ม


ราคาจำหน่าย All-new Mazda cx-30 มีดังนี้
- All-new Mazda cx-30 รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท
- All-new Mazda cx-30 รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท
- All-new Mazda cx-30 รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท
2. MG ZS

คันที่ 2 กับ NEW MG ZS ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยนอกจากการดีไซน์ใหม่ของทั้งด้านหน้าและท้ายรถให้ดูโฉบเฉี่ยว เสริมความสปอร์ตและแฝงความหรูหราที่มากขึ้นแล้ว NEW MG ZS ยังมาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด ซึ่งทำให้การตอบสนองต่อการขับขี่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รวมไปถึงระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ Emergency Call ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงาน ด้วยการโทรและส่งข้อความ ระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ได้มีการตั้งค่าไว้ เพิ่มโอกาสการรับความช่วยเหลือในเวลาฉุกเฉิน


ข้อดี
1 ราคาที่ถูกสุดในกลุ่ม
2 ออฟชั่นแบบจัดเต็ม
3 ระบบความปลอดภัยที่ดี โดยเฉพาะ Emergency Call
ข้อด้อย
1 ความมั่นใจในตัวรถต้องเพิ่มมากขึ้น
NEW MG ZS มีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แบ่งตามรุ่นย่อย ดังนี้
- NEW MG ZS 1.5 C+ ราคา 689,000 บาท
- NEW MG ZS 1.5 D+ ราคา 739,000 บาท
- NEW MG ZS 1.5 X+ ราคา 799,000 บาท
3. Nissan Kicks e-POWER

สุดท้ายสดใหม่ NEW Nissan Kicks e-POWER เป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ ใหม่ล่าสุด ในตลาดเมืองไทย ด้วยเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ (e-POWER) ที่ให้พละกำลังและอัตราเร่ง ในแบบเดียวกับ รถยนต์ไฟฟ้า 100% และไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จแบตเตอรี่จากภายนอกหรือหาสถานีชาจ์ทไฟ แต่ยังคงมีใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว 3 สูบ รับหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
และยังมีส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญ ๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ EM57 ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้มอบการเร่งความเร็วที่ราบรื่น การขับขี่ที่เงียบ และการประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูง




ข้อดี
- เครื่องยนต์ใหม่ในรูปแบบรถไฟฟ้า
- ราคาที่หลายคนเข้าถึงได้
- ระบบความปลอดภัยกับออฟชั่นดี
ข้อเสีย
- วัสดุภายในรถไม่สมราคา
ราคานิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย
- นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รุ่น S 889,000 บาท
- นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รุ่น E 949,000 บาท
- นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รุ่น V 999,000 บาท
- นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ รุ่น VL 1,049,000 บาท
สรุปสำหรับ รถยนต์ในกลุ่ม คอมแพคเอสยูวี ที่เปิดตัวในปีนี้ 2020 กับ 3 รุ่นใหม่ แต่ในตลาดก็ยังมีตัวเลือกอย่าง เช่น HONDA HR-V ,TOYOTA C-HR,MAZDA CX-3, SUBAU XV ซึ่งแต่ละคันก็ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตลาดมาก ทุกคันมีความโดดเด่นในแต่ละ แบบ 3 รุ่นใหม่ ถ้าคุณชอบเทคโนโลยีด้านรถไฟฟ้า Nissan Kicks ความคุ้มค่าด้านราคา MG ZS เน้นการขับขี่ความแรงหรูหรา MAZDA CX-30 ดังนั้นจะเห็นได้ว่ารถแต่ละคันจะมีจุดเด่นที่ต่างกันอยู่ที่คุณจะเลือกใช้งาน

