ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ การได้เฝ้ามองวิวัฒนาการอันรวดเร็วของรถยนต์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2025 ที่เทคโนโลยีและแนวคิดเรื่องความยั่งยืนได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนายานยนต์ทุกประเภท หากย้อนกลับไปพิจารณาข้อมูลและกระแสที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหน้า เช่น ในช่วงปี 2017-2018 เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมล็ดพันธุ์แห่งการเปลี่ยนแปลงได้ถูกเพาะปลูกไว้ตั้งแต่ตอนนั้น และกำลังออกดอกออกผลอย่างงดงามในปัจจุบัน บทความนี้จะพาท่านย้อนรอยไปดูจุดเริ่มต้นสำคัญเหล่านั้น พร้อมวิเคราะห์ว่าแนวโน้มเหล่านั้นได้นำพาอุตสาหกรรมรถยนต์มาสู่จุดที่เรายืนอยู่ ณ ปี 2025 ได้อย่างไรบ้าง
เจเนซิส: จากดาวรุ่งพุ่งแรง สู่ผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมแห่งอนาคต
เมื่อครั้งที่ Consumer Reports ได้ประกาศผลการจัดอันดับแบรนด์รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2018 ชื่อของ “เจเนซิส” แบรนด์หรูจากเกาหลีใต้ เพิ่งถือกำเนิดขึ้นได้เพียงสองปี แต่กลับทะยานขึ้นเป็นแบรนด์ที่ได้คะแนนสูงสุด แซงหน้าบรรดา “ขาใหญ่” ในวงการอย่าง Audi, BMW และ Lexus ได้อย่างน่าทึ่ง คุณเจค ฟิชเชอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายทดสอบยานยนต์ของ Consumer Reports ได้ชี้ให้เห็นถึงความโดดเด่นของเจเนซิสในด้านความน่าเชื่อถือ ความสะดวกสบาย และที่สำคัญคือ “เทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย” ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งที่มักติดตั้งฟีเจอร์ซับซ้อนจนอาจรบกวนสมาธิผู้ขับขี่
ความสำเร็จในช่วงแรกนี้ ไม่ใช่เพียงแค่โชคช่วย แต่เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับเจเนซิสในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถยนต์พรีเมียมของปี 2025 ที่เน้นหนักไปที่ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไร้รอยต่อ และการบูรณาการเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดแต่ไม่ยุ่งยาก ปัจจุบันในปี 2025 เจเนซิสยังคงรักษาจุดแข็งนี้ไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าหรู (Luxury EV) ที่ผสมผสานการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์เข้ากับระบบขับเคลื่อนที่ทรงประสิทธิภาพและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) ที่ใช้งานง่าย ทำให้เจเนซิสยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ได้มีแค่ความแรง แต่ยังมอบความเหนือระดับในทุกมิติของการเดินทาง
คะแนนที่เจเนซิสได้รับในครั้งนั้น มาจากการประเมินหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการชนที่เข้มข้น การวิเคราะห์สมรรถนะของรถโดย Consumer Reports เอง รวมถึงการสำรวจความคิดเห็นจากสมาชิกกว่าครึ่งล้านคน ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำต่างให้ความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อสร้างสรรค์ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ไม่เพียงแต่ล้ำสมัย แต่ยังตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด
โตโยต้า: ความน่าเชื่อถือที่ไร้กาลเวลา กับการปรับตัวสู่ยุคพลังงานใหม่
แม้ว่าเจเนซิสจะคว้าอันดับหนึ่งไปครองในปี 2018 แต่โตโยต้าก็ยังคงแสดงศักยภาพด้วยการคว้าตำแหน่ง “สุดยอดรถแห่งปี” (Top Pick) ไปได้ถึง 4 รุ่นจากทั้งหมด 10 รุ่น ได้แก่ Corolla (รถเล็ก), Camry (รถขนาดกลาง), Sienna (มินิแวน) และ Highlander (เอสยูวีขนาดกลาง) สิ่งนี้ตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของโตโยต้าในฐานะแบรนด์ที่ผลิต รถยนต์ประหยัดพลังงาน และมีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้โตโยต้าสามารถปรับตัวและคงความเป็นผู้นำในตลาดได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2025
ในปัจจุบัน โตโยต้ายังคงเป็นกำลังสำคัญในตลาด รถยนต์ไฮบริด และกำลังเร่งผลักดัน รถยนต์ไฟฟ้า ของตนเองอย่างเต็มที่ โดยรุ่นยอดนิยมอย่าง Corolla และ Camry ก็ได้มีการพัฒนาไปสู่แพลตฟอร์มไฟฟ้าเต็มรูปแบบ หรืออย่างน้อยก็เป็นปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางไกลขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ Sienna และ Highlander ก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในกลุ่มมินิแวนและเอสยูวีขนาดกลาง ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและระบบขับเคลื่อนที่มอบ ประสบการณ์ขับขี่ ที่ราบรื่นและเชื่อถือได้
Consumer Reports ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ยังคงยึดมั่นในหลักการทดสอบที่โปร่งใส โดยการซื้อรถยนต์ทุกคันมาทดสอบเอง และทำการทดสอบแต่ละรุ่นกว่า 50 รายการ ครอบคลุมระยะทางกว่า 9,600 กิโลเมตร เพื่อให้มั่นใจว่าผลการจัดอันดับมีความเป็นกลางและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง มาตรฐานการทดสอบที่เข้มข้นเช่นนี้ ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2025 ที่มี เทคโนโลยีรถยนต์ ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ
การเปลี่ยนแปลงของตลาดซีดานและยอดขายรถหรู: บทเรียนสำหรับปี 2025
ข้อมูลยอดขายรถยนต์ซีดานในสหรัฐอเมริกาปี 2017 ได้เผยให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงความนิยมของผู้บริโภค จากรถซีดานไปสู่รถกระบะ ครอสโอเวอร์ และเอสยูวี โดยหลายรุ่นมียอดขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าบางรุ่นอย่าง Chevrolet Cruze จะยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม แนวโน้มนี้ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2025 ตลาดรถซีดานได้กลายเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่เน้นไปที่ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง หรือ รถยนต์พรีเมียม ที่ยังคงดีไซน์คลาสสิก แต่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
ในขณะที่ตลาดรถหรูนั้น Mercedes-Benz ได้ประกาศความสำเร็จในการเป็นแบรนด์รถยนต์พรีเมียมที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลกในปี 2017 ด้วยจำนวนกว่า 2.2 ล้านคัน โดยมีตลาดหลักอยู่ที่จีน เยอรมนี และอเมริกาเหนือ รุ่น C-Class, E-Class และ S-Class ยังคงเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนยอดขาย ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ดาวสามแฉก ซึ่งได้นำมาต่อยอดในการรุกตลาด รถ SUV ไฟฟ้า และ รถยนต์หรูพลังงานไฟฟ้า อย่างจริงจังในปี 2025
ปัจจุบัน Mercedes-Benz ได้ขยายพอร์ตโฟลิโอรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล EQ ออกมาอย่างหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่รถซีดานหรูไปจนถึงเอสยูวีขนาดใหญ่ และยังคงรักษาสถานะผู้นำในตลาดรถหรูไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการนำเสนอ รถยนต์อัจฉริยะ ที่ผสานการออกแบบอันหรูหราเข้ากับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทันสมัย และระบบเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าแค่การเดินทาง แต่คือ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เหนือระดับ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มูลค่าแบรนด์และอนาคตของยานยนต์: Tesla กับการนิยามใหม่
การจัดอันดับ Global BrandZ โดย Kantar Millward Brown ในปี 2017 ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของมูลค่าแบรนด์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โตโยต้ายังคงครองอันดับหนึ่งในหมวดรถยนต์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ด้วยความแข็งแกร่งด้านคุณภาพและความทนทาน BMW และ Mercedes-Benz ก็ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถหรูไว้ได้
อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าสนใจที่สุดคือ “เทสล่า” ที่สามารถเพิ่มมูลค่าแบรนด์ได้อย่างก้าวกระโดดถึง 32% แซงหน้า Land Rover และ Porsche ขึ้นมาได้ แม้ในขณะนั้นเทสล่าจะยังอยู่ในอันดับที่ 10 ของอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม แต่คุณ Peter Walshe ผู้อำนวยการ Global BrandZ ได้วิเคราะห์ว่า เทสล่าไม่ได้ขายแค่รถยนต์ แต่พวกเขากำลังขาย “อนาคต” และสร้าง ประสบการณ์การสร้างแบรนด์ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งมีผลกระทบไปถึงผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของเทสล่าด้วยซ้ำ
คำกล่าวนี้มีความหมายอย่างยิ่งในบริบทของปี 2025 เพราะเทสล่าได้พิสูจน์แล้วว่า “อนาคต” ที่พวกเขาวาดฝันไว้นั้น ได้กลายเป็น “ปัจจุบัน” ที่จับต้องได้จริง การเข้ามาของเทสล่าได้ผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ต้องเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและ เทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ ของตนเองอย่างเต็มกำลัง ทำให้การแข่งขันในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน แบรนด์จีนอย่าง BYD, Nio หรือ XPeng ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงที่น่าจับตา และมูลค่าแบรนด์ของพวกเขาในปี 2025 ก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถในการนำเสนอ ยานยนต์แห่งอนาคต ที่เข้าถึงง่ายและเต็มไปด้วยนวัตกรรม
การที่มูลค่าโดยรวมของแบรนด์รถยนต์ 10 อันดับแรกในปี 2017 ลดลงเล็กน้อย เป็นสัญญาณเตือนว่าผู้ผลิตต้องทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเป็นเจ้าของรถยนต์ และ เทคโนโลยีเชื่อมต่อในรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในตลาดปี 2025 ที่รถยนต์ไม่ได้เป็นแค่พาหนะ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก มีระบบขับขี่อัตโนมัติ และฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย เพื่อมอบ ความปลอดภัยในการขับขี่ และความสะดวกสบายขั้นสูงสุด
ไฮเปอร์คาร์: ความหรูหราไร้ขีดจำกัด สู่ยุคไฟฟ้าแรงสูง
สำหรับกลุ่มตลาด ไฮเปอร์คาร์ ที่มีราคาแพงระยับนั้น ยังคงเป็นโลกที่ขับเคลื่อนด้วยความพิเศษเฉพาะตัวและขีดจำกัดทางวิศวกรรมที่ไร้ขอบเขต ในปี 2017 เราได้เห็นไฮเปอร์คาร์อย่าง Ken Okuyama Kode57, Pagani Huayra BC, McLaren P1 GTR, Bugatti Chiron ไปจนถึง Aston Martin-Red Bull AM-RB 001 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์รถหรูระดับโลกกับทีมแข่ง Formula 1 เพื่อสร้างรถแข่งที่วิ่งบนถนนได้
ในปัจจุบัน ปี 2025 ตลาดไฮเปอร์คาร์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่เครื่องยนต์สันดาปภายในผสมผสานกับระบบไฟฟ้า (Hybrid Hypercar) หรือแม้กระทั่งเป็น ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า เต็มรูปแบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งพละกำลังและอัตราเร่งที่เหนือจินตนาการ วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียมยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างน้ำหนักที่เบาและโครงสร้างที่แข็งแกร่ง พร้อมด้วยระบบอากาศพลศาสตร์ที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างแรงกดมหาศาล และทำให้ ประสบการณ์ขับขี่ ในระดับความเร็วสูงเป็นไปได้อย่างปลอดภัยและน่าตื่นเต้นที่สุด แบรนด์เหล่านี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและรสนิยมที่ไม่เหมือนใคร
บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์: สะท้อนภาพตลาดไทยที่เติบโตไม่หยุดยั้ง
งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 38 เมื่อปี 2017 ได้สร้างสถิติผู้เข้าชมกว่า 1.6 ล้านคน และมียอดจองรถยนต์และจักรยานยนต์รวม 36,093 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงกำลังซื้อและการเติบโตของตลาดรถยนต์ไทยในขณะนั้น สิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตของกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง ขนาดเล็ก และ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มธุรกิจ SME ที่เริ่มหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งระยะใกล้
ในบริบทของปี 2025 งาน Bangkok International Motor Show ได้กลายมาเป็นเวทีสำคัญในการจัดแสดง รถยนต์ไฟฟ้า และ เทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ จากแบรนด์ทั่วโลกอย่างเต็มรูปแบบ ตลาดรถยนต์ไทยมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่ม รถ SUV ไฟฟ้า และ รถยนต์ซีดานไฟฟ้า ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ญี่ปุ่นยังคงรักษาฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง แต่แบรนด์ยุโรปและจีนก็ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการนำเสนอตัวเลือกด้าน ยานยนต์แห่งอนาคต ที่หลากหลายและเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับผู้บริโภคชาวไทย
ยอดจอง รถยนต์พรีเมียม อย่าง Mercedes-Benz และ BMW ที่สูงถึง 2,090 คัน และ 1,273 คันตามลำดับในปี 2017 ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าตลาดรถยนต์หรูในไทยมีศักยภาพสูง ซึ่งได้นำมาสู่การแข่งขันที่ดุเดือดของ รถยนต์ไฟฟ้าหรู ในปี 2025 ที่แต่ละแบรนด์ต่างงัดไม้เด็ดทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และ นวัตกรรมยานยนต์ มานำเสนอเพื่อครองใจผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด
Mercedes-Benz GLA-Class 2017: ต้นแบบสู่ SUV ไฟฟ้าพรีเมียมในปัจจุบัน
การเปิดตัว Mercedes-Benz The New GLA-Class โฉมไมเนอร์เชนจ์ในปี 2017 ซึ่งประกอบด้วยรุ่น GLA 200 Urban, GLA 250 AMG Dynamic และ GLA 45 AMG เป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีความสดใหม่และตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการผจญภัย แต่ยังคงต้องการความสปอร์ตและหรูหรา
คุณสมบัติต่างๆ ที่โดดเด่นในเวลานั้น เช่น การออกแบบที่เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ ไฟหน้า LED High Performance ระบบมัลติมีเดียมาตรฐานใหม่ หน้าจอขนาด 8 นิ้ว และระบบความปลอดภัย Active Brake Assist ได้กลายเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับ รถยนต์พรีเมียม ในปี 2025 ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่หลากหลาย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC และเครื่องยนต์ 4 สูบพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทรงพลังในรุ่น GLA 45 AMG ก็เป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนา รถ SUV ไฟฟ้า สมรรถนะสูงในตระกูล AMG EQ ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ในปี 2025 Mercedes-Benz GLA-Class ได้มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่การเป็น รถยนต์ไฟฟ้า เต็มรูปแบบ ด้วยระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น ระบบชาร์จเร็วที่ทันสมัย และการบูรณาการ เทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2+ หรือ 3 และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ทำงานด้วย AI พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และฟังก์ชันเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ ความปลอดภัยในการขับขี่ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ โดยมีการเพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบเตือนการชนรอบทิศทาง และระบบจอดรถอัตโนมัติเต็มรูปแบบ เพื่อมอบ ประสบการณ์ขับขี่ ที่ไม่เพียงแต่เร้าใจ แต่ยังมั่นใจในทุกการเดินทาง
สรุป: อุตสาหกรรมยานยนต์ 2025 กับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
จากข้อมูลและแนวโน้มที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหน้า เราจะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว สู่ยุคที่ รถยนต์ไฟฟ้า และ เทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก การให้ความสำคัญกับ นวัตกรรมยานยนต์ ความยั่งยืน และ ความปลอดภัยในการขับขี่ ได้ผลักดันให้ผู้ผลิตสร้างสรรค์ ยานยนต์แห่งอนาคต ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ต่างก็ต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอดและเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอ รถยนต์ประหยัดพลังงาน ในรูปแบบไฟฟ้าหรือไฮบริด การพัฒนา รถ SUV ไฟฟ้า และ รถยนต์พรีเมียม ที่ผสานความหรูหราเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ไปจนถึงการสร้าง ประสบการณ์ขับขี่ ที่เหนือกว่าด้วยระบบเชื่อมต่อและ AI การ จัดอันดับรถยนต์ ในปี 2025 จึงไม่ได้วัดแค่ความน่าเชื่อถือหรือสมรรถนะ แต่ยังรวมถึงความสามารถในการปรับตัว สร้างสรรค์ และนำเสนอ “อนาคต” ที่จับต้องได้จริงให้กับผู้บริโภค เพื่อขับเคลื่อนให้ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า และ ยานยนต์แห่งอนาคต เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
