ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมนี้มาโดยตลอด และหากต้องมองไปข้างหน้าถึงงานมอเตอร์โชว์ 2025 สิ่งที่เราจะได้เห็นไม่ใช่แค่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ธรรมดา แต่คือภาพสะท้อนของการปฏิวัติยานยนต์ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีอัจฉริยะ และความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ งานในปีนี้จึงไม่ใช่แค่เวทีแสดงสินค้า แต่เป็นจุดนัดพบของผู้ที่ต้องการสัมผัสอนาคตของการเดินทาง
ตลาดรถยนต์ไทยในปี 2025 กำลังเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) สู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบขับเคลื่อนไฮบริด (HEV/PHEV) อย่างเด่นชัด นโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ, ราคาแบตเตอรี่ที่เข้าถึงง่ายขึ้น, และโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่ครอบคลุมมากขึ้น คือปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผู้บริโภคหันมาสนใจ รถยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์ไฮบริด อย่างไม่เคยมีมาก่อน เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่แบรนด์ต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวเพื่อนำเสนอ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพ ความประหยัด และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มาดูกันว่าค่ายใดจะครองใจผู้บริโภค และ เทรนด์ยานยนต์ ใดบ้างที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดในปีนี้
ยอดขายยานยนต์ไทย 2025: พลังขับเคลื่อนจากนวัตกรรม
งานมอเตอร์โชว์มักเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญของตลาด และปี 2025 นี้ก็ไม่ต่างกัน ตัวเลขยอดจองจะเป็นเครื่องสะท้อนความสำเร็จของแต่ละแบรนด์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคยุคใหม่
อันดับ 1: Toyota – ผู้นำที่ยังคงแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์พลังงานทางเลือกหลากหลาย
Toyota ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่ที่ไม่เคยหลับใหล พวกเขามีความเข้าใจตลาดไทยอย่างลึกซึ้ง และปรับกลยุทธ์อย่างชาญฉลาด จากการเป็นผู้นำตลาดด้วยรถยนต์น้ำมันและกระบะที่ทนทาน ในปี 2025 นี้ Toyota จะตอกย้ำบทบาทผู้นำด้วยการขยายไลน์อัพ รถยนต์ไฮบริด และเริ่มรุกตลาด รถยนต์ไฟฟ้า อย่างจริงจังมากขึ้น นอกเหนือจากรุ่นยอดนิยมอย่าง Corolla Cross HEV และ Yaris Ativ ที่ยังคงทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง เราจะได้เห็น Toyota bZ Series ที่สมบูรณ์แบบและเข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมรุ่น GR Sport ที่ยังคงดึงดูดกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะและดีไซน์สปอร์ต สำหรับรถกระบะ Hilux Revo และ SUV อย่าง Fortuner ก็จะได้รับการอัปเดตเทคโนโลยีและอาจมีรุ่นพลังงานทางเลือกเข้ามาเสริมทัพ เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนที่ตลาดเรียกร้อง
อันดับ 2: MG – แชมป์ EV จากจีนที่ครองใจคนไทยอย่างต่อเนื่อง
MG ยังคงเป็นผู้เล่นหลักในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ของไทยอย่างไม่ต้องสงสัย จากความสำเร็จของ MG ZS EV และ MG EP ที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายและมาพร้อมออปชันที่คุ้มค่า ในปี 2025 นี้ MG จะยังคงนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้าขึ้น ระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น และการออกแบบที่โดดเด่นสะดุดตา เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่ม EV ที่ราคาจับต้องได้ นอกจากนี้ รถครอสโอเวอร์อย่าง MG HS ที่เคยได้รับความนิยมก็จะมีการปรับโฉมและเพิ่มทางเลือกในรุ่น PHEV ให้ทันสมัยและน่าสนใจยิ่งขึ้น ความมุ่งมั่นในการสร้าง สถานีชาร์จ และระบบนิเวศสำหรับ EV ที่แข็งแกร่ง คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของ MG
อันดับ 3: BYD – พลังใหม่จากจีนที่สร้างแรงสั่นสะเทือน
BYD ได้กลายเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาอย่างรวดเร็วในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ของไทย ด้วยการนำเสนอรถยนต์ที่ครบวงจร ตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปจนถึงรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในปี 2025 นี้ BYD จะยังคงทำยอดขายได้อย่างโดดเด่น จากรุ่นยอดนิยมอย่าง ATTO 3, Dolphin, และ Seal ที่มาพร้อม เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมอบทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า การรุกตลาดด้วยราคาที่แข่งขันได้และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ทำให้ BYD กลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่ทุกค่ายต้องจับตา
อันดับ 4: Ford – พลิกโฉมกระบะและ SUV สู่ยุคดิจิทัลและพลังงานทางเลือก
Ford ยังคงสร้างความตื่นเต้นในกลุ่มรถกระบะและ SUV ด้วย New Ranger, New Ranger Raptor และ New Everest ที่ไม่เพียงแค่แข็งแกร่งและสมบุกสมบัน แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์ที่ทันสมัย สำหรับปี 2025 สิ่งที่น่าสนใจคือทิศทางของ Ford ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานทางเลือกในกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น PHEV หรือแม้แต่ EV เต็มรูปแบบ เพื่อตอบรับกระแสโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืน นอกจากนี้ ระบบเชื่อมต่อ และ ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) จะกลายเป็นจุดเด่นที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น
อันดับ 5: Honda – ตอกย้ำความเป็นเลิศด้วย e:HEV และก้าวสู่อนาคต EV
Honda ยังคงแข็งแกร่งในตลาดซีดานและครอสโอเวอร์ ด้วยเทคโนโลยี e:HEV ที่พิสูจน์แล้วถึงความประหยัดและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ในปี 2025 เราจะได้เห็น Honda HR-V e:HEV และ Civic e:HEV ทำยอดขายได้อย่างมั่นคง พร้อมการขยายไลน์อัพ รถยนต์ไฮบริด ไปสู่รุ่นอื่นๆ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น Honda จะยังคงมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและปลอดภัย ด้วย เทคโนโลยีรถยนต์ ล่าสุดและความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมานาน
อันดับ 6: Mazda – ความลงตัวของดีไซน์และเทคโนโลยี Skyactiv ที่เป็นเอกลักษณ์
Mazda ยังคงโดดเด่นด้วยปรัชญาการออกแบบ Kodo Design และ เทคโนโลยีรถยนต์ Skyactiv ที่เน้นความสอดคล้องระหว่างคนกับรถยนต์ รุ่นยอดนิยมอย่าง Mazda CX-3, CX-30, Mazda 2 และ Mazda 3 ยังคงมีการอัปเดตฟังก์ชันและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ในปี 2025 Mazda จะยังคงดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ที่มีดีไซน์พรีเมียม ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เป็นเลิศ และความใส่ใจในรายละเอียด นอกจากนี้ เราอาจจะได้เห็น Mazda ก้าวเข้าสู่ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า และ PHEV อย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์และตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป
อันดับ 7: Isuzu – ความแกร่งที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโมเดลครั้งใหญ่บ่อยครั้ง แต่ Isuzu ยังคงเป็นเจ้าตลาดกระบะและ PPV SUV ที่แข็งแกร่งด้วย D-MAX และ Mu-X ที่มีชื่อเสียงด้านความทนทานและประหยัดน้ำมัน ในปี 2025 Isuzu จะยังคงรักษาฐานลูกค้าที่ภักดีด้วยคุณภาพที่เชื่อถือได้ และอาจจะเริ่มนำเสนอเทคโนโลยี Mild-Hybrid หรือ รถยนต์ไฮบริด ในกลุ่มกระบะและ SUV เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและลดมลพิษ ตอบรับกับมาตรฐานที่เข้มงวดขึ้นและกระแสความยั่งยืน
อันดับ 8: Great Wall Motor (GWM) – เติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วย EV และ Smart SUV
GWM ยังคงเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญจากจีนที่สร้างกระแสในตลาดไทย ด้วย ORA Good Cat ที่มีดีไซน์น่ารักและเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึง Haval SUV ที่เน้นความคุ้มค่าและออปชันที่จัดเต็ม ในปี 2025 GWM จะยังคงขยายกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า และ PHEV ของตนเอง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น และยังคงชูจุดเด่นด้าน รถยนต์อัจฉริยะ พร้อม ระบบเชื่อมต่อ และ ADAS ที่ทันสมัยในราคาที่จับต้องได้
อันดับ 9: NETA – EV น้องใหม่ที่สร้างสีสันในตลาด
NETA เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ รถยนต์ไฟฟ้า จากจีนที่เข้ามาสร้างความคึกคักในตลาดไทย ด้วย NETA V ที่มีราคาเข้าถึงง่ายและให้ระยะทางวิ่งที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ในปี 2025 NETA จะยังคงเติบโตต่อไป ด้วยการนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ๆ ที่มีขนาดและราคาที่หลากหลาย เพื่อขยายฐานลูกค้าและตอกย้ำภาพลักษณ์ของ EV ที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริงสำหรับคนไทย
อันดับ 10: Suzuki – คอมแพ็กต์คาร์ที่ตอบโจทย์ชีวิตเมือง
Suzuki ยังคงเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ขนาดเล็กที่เน้นความคุ้มค่าและใช้งานง่าย ในปี 2025 พวกเขาจะยังคงนำเสนอ Swift และ Celerio ที่ได้รับการอัปเดตฟังก์ชันและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความน่าใช้งาน รวมถึง XL7 ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง ที่ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก Suzuki อาจเริ่มพิจารณาการนำเสนอเทคโนโลยี Mild-Hybrid หรือ รถยนต์ไฮบริด ขนาดเล็ก เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพ EV และตอบโจทย์การประหยัดพลังงานในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงผันผวน
เทรนด์โลกยานยนต์ที่กำหนดทิศทางปี 2025
การปฏิวัติพลังงานไฟฟ้า: EV Everywhere
ในปี 2025 ยานยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่กระแสอีกต่อไป แต่เป็นทิศทางหลักของอุตสาหกรรม เทคโนโลยีแบตเตอรี่ จะก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยแบตเตอรี่ Solid-state ที่ให้ความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้น และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทำให้ระยะทางวิ่งของ EV สูงขึ้นเกิน 600-800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งกลายเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานของ สถานีชาร์จ จะมีความครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น ทั้งการชาร์จแบบเร็วพิเศษ (Ultra-fast charging) และเทคโนโลยี V2G (Vehicle-to-Grid) ที่รถยนต์สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าคืนสู่ระบบได้ บทบาทของภาครัฐในการให้ ราคา รถยนต์ไฟฟ้า และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เติบโตอย่างก้าวกระโดด
การขับเคลื่อนอัจฉริยะและไร้คนขับ (Autonomous & Smart Mobility)
เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ช่วยในการขับขี่ (ADAS) ระดับ 2+ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับความเร็วตามรถคันหน้า (Adaptive Cruise Control) และระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist) จะกลายเป็นมาตรฐานในรถยนต์เกือบทุกรุ่น รถยนต์อัจฉริยะ ในปี 2025 จะมาพร้อม ระบบเชื่อมต่อ ที่ไร้รอยต่อกับอุปกรณ์ส่วนตัวและโครงสร้างพื้นฐานของเมือง การก้าวสู่ระดับ 3 หรือ 4 ของ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในสภาพแวดล้อมที่จำกัดจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้การเดินทางปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
วัสดุแห่งอนาคตและการออกแบบที่ยั่งยืน (Sustainable Materials & Design)
ความยั่งยืนจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของพลังงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ด้วย เราจะได้เห็นการใช้วัสดุรีไซเคิล น้ำหนักเบา และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในการผลิตชิ้นส่วนภายในและภายนอกรถยนต์ การออกแบบจะเน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพ EV และลดการใช้พลังงาน พร้อมกับการเลือกใช้ สีรถยนต์ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความทนทานสูง
สีรถยนต์ยอดนิยมปี 2025: สะท้อนตัวตนและนวัตกรรม
แม้สีโทน Grayscale อย่างเทา ดำ ขาว จะยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสีที่ดูแลรักษาง่ายและรักษามูลค่า ราคา รถยนต์ มือสอง แต่ในปี 2025 เราจะเห็นเทรนด์ สีรถยนต์ ที่สดใสและโดดเด่นมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า ที่มักจะมาพร้อมเฉดสีที่สะท้อนถึงนวัตกรรมและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สีเขียวเมทัลลิก สีฟ้าอ่อน หรือแม้กระทั่งสีส้มและเหลือง จะกลับมาสร้างสีสันให้กับท้องถนน นอกจากนี้ สีแบบ Matte Finish หรือสีทูโทนก็ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษและไม่เหมือนใคร
ประสิทธิภาพและพลังงาน: นอกเหนือจากตัวเลข
ในยุค 2025 การพูดถึงความประหยัดน้ำมัน (km/l) อาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนเป็นการพูดถึง ประสิทธิภาพ EV (Wh/km) หรืออัตราการใช้พลังงานของ รถยนต์ไฮบริด แทนที่ ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนการเดินทางที่แท้จริงของผู้บริโภค ด้วยราคาพลังงานที่ยังคงผันผวน รถยนต์ประหยัดพลังงาน จึงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่ม SubCompact Crossover ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
จากข้อมูลการทดสอบที่เราเคยทำไว้ (ซึ่งยังคงเป็นพื้นฐานที่ดีในการอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาปภายในและไฮบริด) ในอนาคต รถยนต์ไฟฟ้า จะกลายเป็นผู้นำด้าน อัตราสิ้นเปลือง พลังงานอย่างแท้จริง เพราะต้นทุนเชื้อเพลิงไฟฟ้ามักจะถูกกว่าน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด และ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่ก้าวหน้าทำให้ ประสิทธิภาพ EV ยิ่งสูงขึ้น
ไฮเปอร์คาร์และรถยนต์หรู: นิยามใหม่ของความพิเศษ
สำหรับกลุ่ม รถยนต์หรู และ ไฮเปอร์คาร์ ในปี 2025 นวัตกรรมและความพิเศษจะถูกยกระดับไปอีกขั้น แบรนด์ต่างๆ แข่งขันกันนำเสนอ ซูเปอร์คาร์ พลังงานไฟฟ้าที่ให้สมรรถนะเหนือจินตนาการ และ รถสั่งทำพิเศษ (Bespoke) ที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของได้อย่างไร้ขีดจำกัด มูลค่าของรถเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่แค่เครื่องยนต์อันทรงพลังเท่านั้น แต่อยู่ที่งานฝีมือ วัสดุที่หายาก และการผลิตในจำนวนจำกัด
จาก 10 อันดับ รถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ที่เคยมีการบันทึกไว้ในอดีต (ซึ่งยังคงเป็นดัชนีชี้วัดความหรูหราและความพิเศษได้ดี) ในปี 2025 เราจะได้เห็น ไฮเปอร์คาร์ พลังงานไฟฟ้าที่ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ต่ำกว่า 2 วินาที และมีราคาที่สูงเป็นสถิติใหม่ๆ รวมถึง รถยนต์หรู จาก Rolls-Royce หรือ Bentley ที่ยังคงครองตำแหน่งด้านความพิเศษและเป็น รถสั่งทำพิเศษ ที่มีมูลค่ามหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น รถยนต์กลุ่มนี้จะเริ่มผนวกเอาวัสดุที่ยั่งยืนและ เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ล้ำสมัยที่สุดเข้ามาใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความหรูหราควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อโลก
ความท้าทายและโอกาสในเมืองใหญ่: การจัดการจราจรในปี 2025
ปัญหารถติดยังคงเป็นความท้าทายหลักในเมืองใหญ่ทั่วโลก ข้อมูลสถิติที่แสดงให้เห็นว่าผู้ขับขี่ต้องเสียเวลาไปกับ การจราจร ติดขัดหลายร้อยชั่วโมงต่อปี เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบขนส่งและ รถยนต์เมือง ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในปี 2025 นอกจากการพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า ขนาดเล็กสำหรับการเดินทางในเมืองจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ด้วยขนาดที่กะทัดรัด คล่องตัว และปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ตอบโจทย์การเดินทางในเขตเมืองใหญ่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การนำ เทคโนโลยีรถยนต์ อัจฉริยะและระบบจราจรอัจฉริยะมาใช้ จะช่วยลด ปัญหารถติด และเพิ่มประสิทธิภาพ การจราจร ได้อย่างยั่งยืน
สรุปและก้าวสู่อนาคตยานยนต์
ตลาด ยานยนต์ไทย ในปี 2025 กำลังเข้าสู่ยุคที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา การเปลี่ยนผ่านสู่ ยานยนต์ไฟฟ้า และ รถยนต์ไฮบริด เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นวัตกรรมยานยนต์ จะเข้ามามีบทบาทในทุกแง่มุมของการขับขี่ ตั้งแต่ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ความปลอดภัย ไปจนถึงประสบการณ์ส่วนบุคคล มอเตอร์โชว์ 2025 จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้บริโภคที่จะได้สัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าอนาคตของยานยนต์ไม่เพียงแค่เรื่องของเครื่องยนต์และดีไซน์ แต่คือการสร้างสรรค์การเดินทางที่ยั่งยืน ปลอดภัย และอัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่าพลาดโอกาสสัมผัสอนาคตของยานยนต์ที่งานมอเตอร์โชว์ 2025! มาค้นพบรถยนต์ที่ใช่สำหรับคุณและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

