ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดจะเร่งและน่าตื่นเต้นเท่ากับการก้าวเข้าสู่ปี 2025 ที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์ไปสู่จุดเปลี่ยนอย่างแท้จริง ตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย กำลังเผชิญกับคลื่นลูกใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้า อัจฉริยภาพในการขับขี่ และความยั่งยืนที่กำลังจะพลิกโฉมประสบการณ์การเดินทางของเราไปตลอดกาล ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงแนวโน้มสำคัญ ตลาดรถยนต์ที่ร้อนแรงที่สุด และเทคโนโลยีที่จะกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมในปี 2025 พร้อมเผยกลยุทธ์ที่ผู้บริโภคควรพิจารณาเพื่อเลือกยานพาหนะที่ตอบโจทย์ชีวิตในยุคดิจิทัล
มอเตอร์โชว์ 2025: มหกรรมแห่งนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
งานมอเตอร์โชว์ระดับประเทศในปี 2025 ไม่ใช่เพียงแค่การจัดแสดงรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อีกต่อไป แต่เป็นเวทีที่สะท้อนถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปี ผมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจุดเด่นของงานในปีนี้คือการหลั่งไหลของ “รถยนต์ไฟฟ้า” (EV) หลากรูปแบบที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ รวมถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ที่ตอบรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ใช่แค่จากแบรนด์ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เท่านั้น แต่แบรนด์จีนยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายและเข้าถึงง่ายขึ้น ผลักดันให้ตลาดเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้ผลิตแต่ละค่ายต่างงัดไม้เด็ดมาดึงดูดใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น “รถ EV รุ่นใหม่” ที่วิ่งได้ไกลขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น หรือมาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติที่ชาญฉลาดกว่าเดิม
ในปี 2025 นี้ ค่ายรถยนต์ชั้นนำยังคงรักษาสถานะผู้นำตลาด แต่ก็ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับคู่แข่งหน้าใหม่ที่ผงาดขึ้นมา แบรนด์อย่าง Toyota ยังคงแข็งแกร่งด้วยไลน์อัพรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย ทั้งรถยนต์นั่ง รถ SUV ยอดนิยม และรถกระบะไฟฟ้าต้นแบบที่เริ่มเผยโฉม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV อย่างเต็มตัว Toyota bZ4X ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม และคาดว่าจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่ปรับปรุงสมรรถนะแบตเตอรี่และระยะทางการวิ่งให้เหนือกว่าเดิม ส่วนตลาดรถยนต์คอมแพกต์ยังคงมี Corolla Cross และ Yaris Ativ ที่นำเสนอทางเลือกทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและระบบไฮบริดที่ประหยัดพลังงาน
MG ซึ่งเคยเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง ในปี 2025 MG ได้ยกระดับรถยนต์ไฟฟ้าของตนให้มีความทันสมัยและน่าสนใจยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น MG ZS EV หรือ MG EP ที่มาพร้อมการอัปเกรดทั้งดีไซน์ภายในและภายนอก รวมถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มอบระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น ทำให้เป็น “รถ EV ราคาคุ้มค่า” ที่ยังคงครองใจผู้บริโภคที่ต้องการเข้าถึงเทคโนโลยีไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ SUV อย่าง MG HS ก็ยังคงได้รับความนิยม ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและตัวเลือกทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาปและปลั๊กอินไฮบริด
Ford ยังคงสร้างปรากฏการณ์ด้วยรถกระบะและ SUV ระดับพรีเมียม โดย New Ranger, New Ranger Raptor และ New Everest ในรุ่นปี 2025 ได้รับการพัฒนาให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ประหยัดเชื้อเพลิง และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่เหนือกว่า การเพิ่มตัวเลือกเครื่องยนต์ไฮบริดหรือแม้กระทั่งไฟฟ้าในบางรุ่นของ Ranger และ Everest ทำให้ Ford ยังคงรักษาฐานลูกค้าที่ชื่นชอบความแข็งแกร่งและสมรรถนะแบบอเมริกันไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
Mazda ยังคงโดดเด่นด้วยปรัชญาการออกแบบ Kodo Design และเทคโนโลยี Skyactiv ที่เน้นความสนุกในการขับขี่ ในปี 2025 Mazda ได้นำเสนอ CX-3, CX-30, Mazda 2 และ Mazda 3 ที่ได้รับการอัปเดตฟีเจอร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ นอกจากนี้ “เทคโนโลยี Skyactiv-X” ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่ทำงานคล้ายดีเซลยังคงเป็นจุดแข็งที่มอบประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่น่าทึ่ง พร้อมการพัฒนาสู่ระบบไฮบริดและ EV ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
Isuzu ยังคงเป็นราชาแห่งตลาดรถกระบะในประเทศไทย ด้วยความแข็งแกร่งของ D-MAX และ MU-X ที่พิสูจน์แล้วว่าทนทานและคุ้มค่า ในปี 2025 Isuzu อาจจะยังไม่ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ทั้งหมด แต่ก็มีการนำเสนอ D-MAX และ MU-X ในเวอร์ชันที่ปรับปรุงใหม่ โดยเน้นการประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย และการตกแต่งที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และการเดินทางส่วนตัว
Honda ยังคงเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจในด้านคุณภาพและสมรรถนะ New HR-V ยังคงเป็นครอสโอเวอร์ยอดนิยม แต่ในปี 2025 Honda ได้รุกตลาดด้วย New Civic e:HEV ที่ผสมผสานความสปอร์ตของ Civic เข้ากับประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของระบบไฮบริดได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ Honda City Hatchback ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ขนาดเล็กที่ขับสนุกและอเนกประสงค์ ส่วน Honda Accord ก็มีการปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมแก้ปัญหาการผลิตที่เคยประสบในปีที่ผ่านมา ทำให้รถสามารถส่งมอบถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้น
GWM หรือ Great Wall Motor ได้สร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในไทยอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ORA Good Cat ที่ยังคงเป็น “รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก” ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ถึงแม้การแข่งขันจะสูงขึ้น แต่ GWM ก็ยังคงนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดรุ่นใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อรักษาตำแหน่งในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่
Suzuki แบรนด์เจ้าของฉายาเจ้าพ่อรถเล็ก ยังคงมี Swift และ XL7 เป็นหัวหอกในการทำตลาดในปี 2025 โดยเน้นการปรับปรุงฟีเจอร์และอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ พร้อมราคาที่เข้าถึงง่าย XL7 ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่งยังคงได้รับการปรับโฉมให้ทันสมัยและมีตัวเลือกสีแบบทูโทนที่ดึงดูดใจ ทำให้ Suzuki ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์คุณภาพดีในราคาประหยัด
ยุคทองของยานยนต์ไฟฟ้า: วิเคราะห์ยอดขายและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ปี 2025
ปี 2025 ถือเป็นยุคทองของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง ด้วยยอดขายที่พุ่งทะยานอย่างไม่เคยมีมาก่อน แรงผลักดันหลักมาจาก “นโยบายส่งเสริม EV 2025” ของภาครัฐทั่วโลก รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้รถ EV มีระยะทางการวิ่งที่ยาวนานขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้น และราคาที่ลดลงจนสามารถแข่งขันกับรถยนต์สันดาปภายในได้มากขึ้น
จากข้อมูลตลาดโลก ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด คิดเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากยอดขายรถยนต์รวมทั้งหมด การที่ “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” มีความครอบคลุมมากขึ้นและมีทางเลือกในการชาร์จที่หลากหลาย ทั้งแบบ AC และ DC Superfast Charge ทำให้ผู้บริโภคคลายความกังวลเรื่องระยะทาง (range anxiety) ลงไปได้มาก
ในตลาดหลักอย่างประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้นำด้าน EV ระดับโลก ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ายังคงน่าจับตา ไม่ใช่แค่ Tesla Model Y ที่ยังคงแข็งแกร่ง แต่แบรนด์ท้องถิ่นอย่าง BYD, Nio, Xpeng และ Li Auto ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักที่นำเสนอเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงแพลตฟอร์ม EV ที่ยืดหยุ่น การแข่งขันที่รุนแรงนี้ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจากตัวเลือกที่หลากหลายและราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น
พลังขับเคลื่อนแห่งความหรูหรา: “รถหรูราคาแพง” ในปี 2025
ตลาดรถยนต์หรูและไฮเปอร์คาร์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยเน้นไปที่ความพิเศษเฉพาะตัว ประสิทธิภาพที่เหนือชั้น และการปรับแต่งในแบบที่ไม่มีใครเหมือน ผู้ผลิตรถยนต์หรูหราต่างปรับตัวเข้าสู่ยุคไฟฟ้า โดยนำเสนอไฮเปอร์คาร์ EV ที่ให้พละกำลังมหาศาล และรถยนต์หรูที่ผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับความโอ่อ่าได้อย่างลงตัว
ในปี 2025 เรายังคงเห็น Rolls-Royce Boat Tail ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ช เป็นหนึ่งใน “รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก” ด้วยการผลิตจำนวนจำกัดเพียง 3 คันทั่วโลก สะท้อนถึงงานฝีมือระดับสุดยอดและการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ราคาที่สูงลิบ แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงสถานะและรสนิยมที่ไม่เหมือนใคร
Bugatti La Voiture Noire ยังคงเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของความหรูหราและความเร็ว โดยในปี 2025 Bugatti ได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้รถยังคงเป็นที่สุดในด้านสมรรถนะและดีไซน์ โดยคงความพิเศษแบบ “one-off” ที่สร้างขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน และยังคงใช้เครื่องยนต์ W16 อันเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็ได้มีการพัฒนาระบบไฮบริดหรือ EV ในอนาคตที่อาจจะเข้ามาเสริมทัพความแรง
Mercedes-Maybach Exelero แม้จะเป็นรถต้นแบบเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ยังคงเป็นที่กล่าวขวัญถึงในฐานะรถยนต์ที่มีราคาแพงและเป็น “rare item” ที่แสดงถึงศักยภาพทางเทคโนโลยีของแบรนด์ Maybach ในปี 2025 Maybach ได้ยกระดับรถยนต์ไฟฟ้าหรูของตนไปอีกขั้น ด้วยการนำเสนอรถยนต์นั่งระดับผู้บริหารที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ พร้อมห้องโดยสารที่หรูหราเหนือจินตนาการ
สำหรับ Aston Martin Valkyrie และ Pininfarina Battista ไฮเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริดจากค่ายยุโรป ยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว ด้วยพละกำลังระดับ 1,000 แรงม้าขึ้นไป และอัตราเร่งที่เร็วกว่ารถ Formula 1 แสดงให้เห็นถึงขีดสุดของวิศวกรรมยานยนต์ในยุคนี้
ความประหยัดและประสิทธิภาพ: SubCompact Crossover ในปี 2025
ในขณะที่โลกกำลังมุ่งสู่ยุค EV ความต้องการ “รถยนต์ประหยัดน้ำมัน” โดยเฉพาะกลุ่ม SubCompact Crossover ยังคงมีบทบาทสำคัญ เนื่องจากยังคงเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงง่ายและตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม โดยในปี 2025 นี้ เราจะเห็นการพัฒนาไปสู่ระบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดที่ชาญฉลาดขึ้น เพื่อมอบ “อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีที่สุด”
จากการวิเคราะห์แนวโน้ม คาดว่า Toyota Corolla Cross HEV และ Toyota C-HR HEV จะยังคงเป็นผู้นำในด้านความประหยัดน้ำมันในกลุ่มนี้ ด้วยระบบไฮบริดที่พิสูจน์แล้วว่าเชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะรุ่น C-HR HEV ที่มีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยังคงทำคะแนนได้ดีที่สุดในแง่ของความประหยัดเชื้อเพลิง สะท้อนถึงการออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด
Honda HR-V e:HEV ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยระบบไฮบริดอัจฉริยะที่มอบความประหยัดและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ทำให้เป็น “รถยนต์ครอสโอเวอร์ไฮบริด” ที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองและนอกเมืองได้อย่างลงตัว
Nissan Kicks e-POWER ยังคงเป็นเอกลักษณ์ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% โดยมีเครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ทำให้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังคงความสะดวกสบายในการเติมน้ำมันเบนซิน ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ “รถ EV ที่ไม่ต้องชาร์จ”
Hyundai Creta และ Mazda CX-30, CX-3 ยังคงนำเสนอรถยนต์ SubCompact Crossover ที่มีดีไซน์ทันสมัยและฟีเจอร์ครบครัน โดยในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่าจะมีการนำเสนอเทคโนโลยี Mild Hybrid หรือ Full Hybrid เข้ามาเสริมทัพ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่เน้นความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น
Smart Mobility และการจัดการการจราจรในมหานคร 2025
ปัญหารถติดยังคงเป็นความท้าทายในมหานครใหญ่ทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 เราเริ่มเห็นผลลัพธ์จาก “เทคโนโลยี Smart City” และนวัตกรรมยานยนต์ที่เข้ามาช่วยบรรเทาปัญหา การนำเสนอระบบ V2X (Vehicle-to-Everything) และการพัฒนา “ระบบขับขี่อัตโนมัติ” ในระดับที่สูงขึ้น ทำให้การจราจรไหลลื่นและปลอดภัยขึ้น
แม้กรุงเทพฯ อาจไม่ได้ติดอันดับเมืองที่มีรถติดที่สุดในโลก แต่ก็ยังคงเป็นเมืองที่มีความแออัดสูง การลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม การใช้แอปพลิเคชันนำทางที่ชาญฉลาด และการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ลดมลพิษ เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตในเมืองดีขึ้น ผู้ขับขี่เองก็มีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทาง เพื่อลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
นอกเหนือจากประสิทธิภาพ: สีรถยนต์และเทรนด์การออกแบบ 2025
การเลือก “สีรถยนต์” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่ยังสะท้อนถึงเทรนด์ของตลาดและความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ในปี 2025 สีโทนกลางอย่างเทา ดำ และขาวยังคงเป็นที่นิยมสูงสุด ด้วยเหตุผลด้านการรักษา “มูลค่าขายต่อรถยนต์” ที่ดีและเข้ากับยุคสมัยที่เน้นความเรียบง่ายและคลาสสิก
อย่างไรก็ตาม เทรนด์ที่น่าสนใจในปี 2025 คือการกลับมาของสีสันที่สดใสและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สีเขียวและสีฟ้าในเฉดที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะสีเขียวที่สื่อถึงความยั่งยืนและความเป็นธรรมชาติ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ “วัสดุตกแต่งภายในรถยนต์” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หนังสังเคราะห์รีไซเคิล หรือวัสดุจากธรรมชาติ ก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของผู้บริโภคยุคใหม่
สรุปและก้าวต่อไป
ปี 2025 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านที่น่าตื่นเต้นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เราได้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทำให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมถึงความหรูหราที่ผสมผสานกับความยั่งยืนได้อย่างลงตัว ในฐานะผู้ใช้งานและผู้ที่สนใจยานยนต์ การทำความเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกยานพาหนะที่เหมาะสมที่สุดกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณในทศวรรษใหม่นี้
การลงทุนใน “รถยนต์แห่งอนาคต” ไม่ใช่เพียงแค่การซื้อยานพาหนะ แต่เป็นการลงทุนในเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าและต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้า 2025 รุ่นที่คุณสนใจ” หรือ “เทคโนโลยีประหยัดน้ำมันล่าสุด” เราขอเชิญชวนให้คุณเข้ามาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองขับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ยุคใหม่ของยานยนต์!

